คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 60/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยเป็นคนเอากุญแจมืออย่างของตำรวจใส่เจ้าทรัพย์และพวกเจ้าทรัพย์ ทั้งได้กระทำการค้นถือว่าเป็นการแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกสมคบกันปล้นทรัพย์ของนายเป๋งคิมกับพวก โดยแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจกองปราบสามยอดจำเลยที่ 2 – 4 – 6 เคยต้องโทษมาแล้ว

จำเลยปฏิเสธ

ศาลอาญาพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 – 2 ผิด กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 63, 301 วรรคแรก แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 4) มาตรา 7ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2 แต่ให้ใช้ กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้ทำผิด คือ กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 301 วรรคแรก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ให้ลงโทษคนละ 10 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ไม่ได้เพราะโทษครั้งก่อนเป็นโทษปรับและให้จำเลยที่ 1 – 2 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์กับให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3-4-5-6

โจทก์กับจำเลยที่ 1 – 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานปลอมตนเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 127 ด้วยแต่คงให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานปล้นทรัพย์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นบทหนักกับให้จำเลยที่ 1 – 2 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์เพียงบางส่วน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1 – 2 ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 – 2 ทำผิดจริง ส่วนเรื่องแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานนั้นปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนเอากุญแจมืออย่างของตำรวจใส่เจ้าทรัพย์และพวกเจ้าทรัพย์ ทั้งได้กระทำการค้น ก็เป็นการแสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานด้วย

พิพากษายืน

Share