คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยพยายามฆ่าคน ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องไม่สมบูรณ์ เพราะมิกล่าวเวลาและสถานที่ซึ่งจำเลยกระทำผิด ศาลให้โจทก์แก้ฟ้องเสียให้ถูกต้อง โจทก์ยืนยันไม่แก้ ศาลมีคำสั่งให้ยกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 161, 185 ดังนี้ อัยการจะฟ้องจำเลยคนเดียวกันฐานพยายามฆ่าคนอีกไม่ได้ เพราะศาลได้ยกฟ้องเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ฟ้องแล้ว ตามมาตรา 39 (4)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2502)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าคนและมีอาวุธปืนไม่รับอนุญาต
จำเลยปฏิเสธต่อสู้ว่า ผู้เสียหายเคยฟ้องจำเลยครั้งหนึ่งแล้ว ศาลยกฟ้อง เป็นฟ้องซ้ำและรับในข้อหามีอาวุธปืนไม่รับอนุญาต
ศาลสอบโจทก์และผู้เสียหายและสั่งงดสืบพยานเห็นว่าเป็นฟ้องซ้ำ พิพากษายกฟ้องในข้อหาฐานพยายามฆ่าคนและปรับจำเลย ๓๐๐ บาท ฐานมีอาวุธปืนไม่รับอนุญาต
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีผู้พิพากษานายหนึ่งแย้งว่า ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นเห็นว่าฟ้องไม่สมบูรณ์ เพราะมิได้กล่าวเวลาและสถานที่ซึ่งจำเลยกระทำผิด ให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้อง โจทก์ยืนยันไม่แก้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องตาม ม.๑๖๑ และ ๑๘๕ ป.วิ.อ. ต่อมาอัยการได้ยื่นฟ้องคดีนี้ ส่วนคดีก่อนโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีถึงที่สุด ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า แม้คดีก่อนผู้เสียหายจะเป็นโจทก์ฟ้องก็ดี แต่ศาลก็ได้ยกฟ้อง เพราะมิได้ระบุเวลาและสถานที่ที่เกิดการกระทำผิดอันเป็นข้อเท็จจริงในเรื่องที่จำเลยกระทำลง ถือว่าศาลได้ยกฟ้องเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้องแล้วตา มาตรา ๓๙ (๔) อัยการไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยได้อีก
พิพากษายืน

Share