คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเก็บกระเป๋าใส่เงินของเจ้าทรัพย์ซึ่งเหน็บไว้ที่เอวแล้วเลื่อนหลุดไปจากเอวในขณะนั่งดูภาพยนต์อยู่ใกล้เคียงกันในโรงภาพยนต์นั้น ถือว่าทรัพย์นั้นยังอยู่ในความยึดถือของเจ้าทรัพย์ไม่ใช่เป็นทรัพย์ที่อยู่ในสภาพของตกของหาย เมื่อจำเลยเอาไปเสีย ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายลักกระเป๋า เงินราคา ๑๐ บาท ซึ่งมีธนบัตร ๔๕ บาท และลูกกุญแจ ๑ ลูก ราคา ๒ บาท บรรจุอยู่ นางนางอนุรีไปผู้เสียหายและเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยธนบัตร ๔๕ บาท ของผู้เสียหาย ส่วนกระเป๋าและลูกกุญแจได้คืนจากใต้ที่นั่งจำเลย เหตุเกิดเวลากลางคืนในโรงภาพยนต์ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญา ม .๓๓๕, ๓๕๗
จำเลยปฏิเสธ
ข้อเท็จจริงฟังต้องกันทั้ง ๓ ศาลว่า จำเลยเก็บกระเป๋าใส่เงินของนางอนุรีซึ่งเหน็บไว้ที่เอวแล้วเลื่อนหลุดตกไปจากเอว ในขณะนั่งดูภาพยนต์อยู่ใกล้เคียงกันในโรงภาพยนต์นั้น
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ไม่เป็นทั้งลักทรัพย์หรือรับของโจร พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ทรัพย์นั้นยังไม่ขาดจากการครอบครองของนางอนุรีเจ้าทรัพย์ จำเลยผิดฐานลักทรัพย์ พิพากษากลับให้จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม. ๓๓๕ คำให้การจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษลง ๑ ใน ๓ ตาม ม.๗๘ คงจำคุก ๑ ปี
ศาลฎีกาเห็นว่าในที่เกิดเหตุไม่ใช่ตามถนนหนทาง แต่เป็นที่ ๆ ผู้คนกำลังนั่งดูภาพยนต์กันอยู่มากหน้าหลายตา ซึ่งถ้าจะมีอะไรล่วงหล่นอยู่ในขณะนั้น บุคคลทั่วไปย่อมมีความเข้าใจว่าของนั้นต้องเป็นของใครคนใดคนหนึ่งทำล่วงหล่นไว้โดยยังไม่รู้สึกตัวหรือยังตามหาคืนไม่พบ กระเป๋านั้นยังไม่อยู่ในสภาพของตกของหายดังที่จำเลยฎีกา ต้องถือว่ายังอยู่ในความยึดถือของนางอนุรี และถือว่าจำเลยอยู่ในฐานะที่ควรรู้หรือเข้าใจในสภาพการณ์เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไปดังกล่าวนั้น เมื่อจำเลยหยิบเอากระเป๋านั้นไปแล้ว เปิดควักเอาเงินในกระเป๋าไว้เสียและโยนกระเป๋าซึ่งเหลือแต่ลูกกุญแจไปหลบไว้ใต้เก้าอี้ ที่จำเลยนั่งทางหลังออกไป ย่อมแสดงแจ้งชัดอยู่ในอาการนั้นเองว่า จำเลยหยิบเอากระเป๋าพร้อมด้วยเงินของเขาไปโดยทุจริต การกระทำของจำเลยเป็นผิดฐานลักทรัพย์ แต่ควรให้โอกาสจำเลยกลับตัว จึงพิพากษาแก้ว่าโทษจำคุก ๑ ปีนั้น ให้รอการลงโทษไว้ ๕ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา ม. ๕๖

Share