แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 306(4)กฎหมายลักษณะอาญาซึ่งเป็นความผิดฐานฉ้อโกง โดยใช้อุบายพิเศษ แต่ประมวลกฎหมายอาญา ได้ยกเลิกการใช้อุบายพิเศษในลักษณะเช่นนี้แล้ว ศาลจะลงโทษตาม มาตรา 306(4) ไม่ได้ และจะใช้มาตรา 304 เป็นบทลงโทษก็ไม่ได้ เพราะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีโทษเบากว่า ต้องใช้มาตรา341 เป็นบทลงโทษ
หนังสือมอบอำนาจให้จัดการอย่างใดอย่างหนึ่งแทนเจ้าของที่ดินนั้น เป็นเอกสารที่บุคคลธรรมดาทำขึ้น จึงมิใช่เป็นหนังสือราชการหรือหนังสือซึ่งเป็นสำคัญแก่การตั้งกรรมสิทธิ์หรือเป็นหลักฐานแห่งการเปลี่ยนแก้หรือเลิกล้างโอนกรรมสิทธิ์แต่อย่างใด
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 มีอัตราโทษเบากว่ากฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 223
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง ปลอมหนังสือและทุจริตต่อหน้าที่ ตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. 137,138,314,315,222,225,227,304,306,63,72
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-2 ผิดตามมาตรา 304, 306 กระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 1 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 อีก 1 ใน 3 เป็น 1 ปี4 เดือน และผิดตามมาตรา 315,222,225,227 อีกกระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 1 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 อีก 1 ใน 3 เป็น 1 ปี 4 เดือน รวมโทษจำเลยที่ 1 เป็น 2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 2 เป็น 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 ผิดตาม มาตรา 222,225,227 จำคุก 1 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 4-5
โจทก์จำเลยที่ 1-3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-2 ผิดตาม มาตรา 304 กระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 1 ปี ผิดตาม มาตรา 223 อีก กระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 1 ปี รวม 2 กระทง คนละ 2 ปี ไม่เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ยกฟ้องจำเลยที่ 3 นอกนั้นยืนศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1-2 ตามมาตรา 306(4) และ 225ด้วย และขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า สำหรับจำเลยที่ 1-2 นั้น ตามมาตรา 306(4)เป็นเรื่องความผิดฐานฉ้อโกงโดยใช้อุบายพิเศษ แต่ตามประมวลกฎหมายอาญาได้ยกเลิกการใช้อุบายพิเศษในลักษณะเช่นนี้แล้ว จึงลงโทษตาม มาตรา 306(4) ไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ใช้มาตรา 304 เป็นบทลงโทษก็ไม่ชอบ ควรลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ซึ่งมีกำหนดโทษเบากว่า
สำหรับความผิดฐานปลอมหนังสือสำคัญในราชการตาม มาตรา 225นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า หนังสือมอบอำนาจให้จัดการอย่างใดอย่างหนึ่งแทนเจ้าของที่ดินนั้น เป็นเอกสารที่บุคคลธรรมดาทำขึ้นเฉพาะเรื่องของเขา มิใช่เป็นหนังสือราชการและไม่ใช่หนังสือซึ่งเป็นสำคัญแก่การตั้งกรรมสิทธิ์หรือเป็นหลักฐานแก่การเปลี่ยนแก้หรือเลิกล้างโอนกรรมสิทธิ์อย่างใด จึงไม่เป็นหนังสือสำคัญที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 223 นั้น ไม่เห็นพ้องด้วย เพราะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 มีโทษเบากว่า
พิพากษาแก้เฉพาะที่เกี่ยวกับบทกฎหมายใช้ลงโทษจำเลยที่ 1-2 โดยให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 264 ตามลำดับ นอกนั้นยืนตามศาลอุทธรณ์