แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สิทธิในการร้องขอให้ศาลสั่งปล่อยตัวจากการคุมขังโดยมิชอบด้วยกฎหมายมีอยู่เพียงชั่วระยะเวลาที่ถูกคุมขังโดยมิชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
ขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานตำรวจค้น จับกุมและคุมขังผู้ร้องโดยมิชอบด้วยกฎหมาย พนักงานอัยการได้ฟ้องผู้ร้องต่อศาลชั้นต้นในความผิดที่ผู้ร้องอ้างว่าการค้น จับกุมและคุมขังโดยมิชอบ เมื่อการคุมขังเช่นว่านั้นได้สิ้นสุดไปตั้งแต่ศาลประทับฟ้องและออกหมายขังผู้ร้องในระหว่างพิจารณา สิทธิของผู้ร้องที่จะร้องขอให้ปล่อยจากการคุมขังอันมิชอบด้วยกฎหมายจึงระงับ
การตรวจค้น จับกุมและการคุมขังของเจ้าพนักงานตำรวจชั้นแรกเป็นขั้นตอนต่างหากจากการสอบสวน ทั้งการสอบสวนจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพียงใด เป็นเรื่องที่ต้องวินิจฉัยในชั้นพิจารณาของศาล เมื่อผู้ร้องถูกพนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาลและศาลประทับฟ้องและออกหมายขังผู้ร้องไว้ระหว่างพิจารณาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 58 (4), 71 และ 88 ซึ่งเป็นอำนาจที่จะดำเนินการได้แล้ว การคุมขังผู้ร้องจึงไม่ขัดต่อ ป.วิ.อ. มาตรา 90 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 240
ย่อยาว
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า ถูกเจ้าพนักงานตำรวจค้น จับกุม และคุมขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ทำการไต่สวนคำร้อง และสั่งปล่อยตัวผู้ร้องทั้งสอง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า สิทธิในการร้องขอให้ศาลสั่งปล่อยตัวจากการคุมขังโดยมิชอบด้วยกฎหมายจะมีอยู่เพียงชั่วระยะเวลาที่ถูกคุมขังโดยมิชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น คดีนี้ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานตำรวจค้น จับกุมและคุมขังผู้ร้องทั้งสองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ขณะที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องคดีนี้ พนักงานอัยการได้ฟ้องผู้ร้องทั้งสองต่อศาลชั้นต้น ในความผิดที่ผู้ร้องทั้งสองอ้างว่าการค้น จับกุมและคุมขังโดยมิชอบนั้นแล้ว ศาลชั้นต้นประทับฟ้องและออกหมายขังผู้ร้องทั้งสองไว้ระหว่างพิจารณา ดังนั้นแม้จะเป็นความจริงว่าการคุมขังโดยเจ้าพนักงานตำรวจจะมิชอบด้วยกฎหมาย แต่การคุมขังเช่นว่านั้นก็สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่ศาลประทับฟ้อง และออกหมายขังผู้ร้องทั้งสองในระหว่างพิจารณา สิทธิของผู้ร้องทั้งสองที่จะร้องขอให้ปล่อยจากการคุมขังอันมิชอบด้วยกฎหมายจึงระงับ ส่วนข้อที่ฎีกาว่าการตรวจค้น จับกุมและคุมขังโดยมิชอบด้วยกฎหมายทำให้การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลประทับฟ้องและการคุมขังระหว่างพิจารณาไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า การตรวจค้น จับกุมและการคุมขังผู้ร้องทั้งสองของเจ้าพนักงานตำรวจชั้นแรกนั้นเป็นขั้นตอนต่างหากจากการสอบสวน ทั้งการสอบสวนจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพียงใด เป็นเรื่องที่ต้องวินิจฉัยในชั้นพิจารณาของศาล เมื่อผู้ร้องทั้งสองถูกพนักงานอัยการยื่นฟ้องต่อศาล ศาลประทับฟ้องและออกหมายขังผู้ร้องทั้งสองไว้ระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๕๘ (๔), ๗๑ และ ๘๘ ซึ่งเป็นอำนาจที่จะดำเนินการได้แล้ว การคุมขังผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๙๐ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๒๔๐ คำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.