คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3377/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หลังจากที่มีคำพิพากษาศาลฎีกาให้ผู้คัดค้านชำระหนี้แก่ผู้ร้อง คดีนี้ไม่มีการทุเลาการบังคับคดีหรืองดการบังคับคดี และผู้คัดค้านยังมิได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องจึงมีสิทธิบังคับคดีตามเงื่อนไขในหมายบังคับคดี การที่ผู้ร้องดำเนินการขออายัดบัญชีเงินฝากของผู้คัดค้านที่วางต่อศาลไว้โดยไม่มีการทำสัญญาค้ำประกัน จึงเป็นวิธีการหนึ่งของการบังคับคดีซึ่งชอบด้วยกฎหมาย ค่าธรรมเนียมการอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมิใช่เกิดจากการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่จำเป็นอันจะอยู่ในความรับผิดของผู้ร้อง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๔๒ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้ผู้คัดค้านชำระเงินจำนวน ๙,๑๓๑,๗๓๖ โครนนอร์เวย์แก่ผู้ร้อง พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑.๕ ต่อเดือน ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ผู้คัดค้านอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี แต่ศาลฎีกายังมิได้มีคำสั่งเรื่องคำขอทุเลา ต่อมาวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๔๓ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ในวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๔๔ ผู้คัดค้านได้นำหลักทรัพย์เงินฝากธนาคารออมสิน สาขายุติธรรม ประเภทฝากประจำจำนวน ๗๒,๔๘๗,๕๖๖.๙๗ บาท มาวางเป็นประกัน และศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้งดการบังคับคดี ต่อมา ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้ผู้คัดค้านชำระเงินจำนวนดังกล่าว ต่อมา ผู้ร้องยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๔ ว่าผู้คัดค้านเป็นลูกหนี้ผู้ร้องตามคำพิพากษา ขอให้ศาลอายัดเงินของผู้คัดค้านในบัญชีธนาคารออมสิน สาขายุติธรรม จำนวนเงิน ๗๒,๔๘๗,๕๖๖.๙๗ บาท ที่ผู้คัดค้านนำมาวางศาลเป็นประกันการชำระหนี้เพื่อขอให้ศาลงดการบังคับคดี ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางนัดพร้อม และเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๔๔ ผู้ร้องได้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดบัญชีเงินฝากของผู้คัดค้านดังกล่าว ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการให้ตามขอ ดังนั้น ในวันนัดพร้อมผู้ร้องจึงแถลงไม่ติดใจขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดบัญชีเงินฝากของผู้คัดค้านอีก ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่าผู้ร้องเป็นฝ่ายทำให้ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่จำเป็น จึงต้องรับผิดในค่าธรรมเนียมการอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดี
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า ค่าใช้จ่ายในการอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นตามนัยแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา ๑๖๖ มีคำสั่งให้ค่าธรรมเนียมการอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีอยู่ในความรับผิดของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่า หน้าที่ชำระค่าธรรมเนียมการอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นของผู้ร้องหรือผู้คัดค้าน เห็นว่า คดีนี้ไม่มีการทุเลาการบังคับคดีหรืองดการบังคับคดีหลังจากที่มีคำพิพากษาศาลฎีกาให้ผู้คัดค้านชำระหนี้แก่ผู้ร้อง และผู้คัดค้านยังมิได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไปตามเงื่อนไขในหมายบังคับคดี ที่ผู้คัดค้านวางสมุดบัญชีเงินฝากไว้ต่อศาลโดยไม่มีการทำสัญญาประกันคงเป็นเพียงประกันเพื่อมิให้ผู้คัดค้านต้องถูกบังคับคดีเท่านั้น ไม่มีผลเป็นการชำระหนี้ตามคำพิพากษาแต่อย่างใด การที่ผู้ร้องดำเนินการขออายัดบัญชีเงินฝากของผู้คัดค้านจึงเป็นวิธีการหนึ่งของการบังคับคดีซึ่งชอบด้วยกฎหมายที่จะทำให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากเงินจำนวนดังกล่าว ค่าธรรมเนียมการอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมิใช่เกิดจากการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่จำเป็น ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้ผู้ร้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมการอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
พิพากษากลับเป็นว่า ให้ค่าธรรมเนียมการอายัดของเจ้าพนักงานบังคับคดีอยู่ในความรับผิดของผู้คัดค้าน.

Share