คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3726/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยแล้ว ทรัพย์สินของจำเลยทั้งปวงตกอยู่ในอำนาจจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจยึดทรัพย์สินทั้งปวงซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยหรือของผู้อื่นอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลายตามมาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ.ล้มละลายฯ จำเลยไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนรวมทั้งสิทธิตามใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ และไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำคัดค้านการยึดทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ทั้งถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามมาตรา 158 แต่จำเลยมีสิทธิยื่นคำคัดค้านว่าสิทธิตามใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการไม่ใช่ทรัพย์สินอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลายตามมาตรา 109 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิยึดอันเป็นการโต้แย้งการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลย ตามมาตรา 146 โดยต้องทำเป็นคำร้องขอต่อศาลภายใน 14 วัน นับแต่ทราบการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ทำการยึดสิทธิตามใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดแล้วแต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำวินิจฉัยให้ยกคำร้อง จำเลยที่ 2จึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการดังกล่าวเป็นสิทธิเฉพาะตัวของจำเลยที่ 2 ไม่สามารถโอนให้แก่กันได้ตามกฎหมาย และมิใช่ทรัพย์สินอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลาย การยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้เพิกถอนคำสั่งยึดทรัพย์ดังกล่าวของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้คัดค้าน คัดค้านว่า สิทธิตามใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการของจำเลยที่ 2 ที่ผู้แทนโจทก์นำยึดไว้เป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้และสามารถโอนกิจการตามใบอนุญาตนั้นได้ตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาล การที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นการดำเนินคดีตามมาตรา 146 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 ซึ่งต้องร้องขอต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดเวลาสิบสี่วันนับแต่วันที่ทราบการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่จำเลยที่ 2 ได้ทราบแล้วว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดสิทธิตามใบอนุญาตดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม2528 การที่มายื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 27ตุลาคม 2531 จึงเกินกำหนดเวลาตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวแล้วขอให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 2
เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ไม่ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยที่ 2 ทราบการยึดสิทธิตามใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการแล้วตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2528 การที่จำเลยที่ 2 มายื่นคำร้องในวันที่ 27 ตุลาคม 2531 เกินกำหนดเวลาสิบสี่วันนับแต่วันที่ได้ทราบการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จำเลยที่ 2 จึงไม่มีสิทธิคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 146 ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดสิทธิตามใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการของจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2528 จำเลยที่ 2 ทราบถึงการยึดสิทธิดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2528 และยื่นคำร้องคัดค้านการยึดสิทธิดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อวันที่19 พฤศจิกายน 2530 และยื่นคำขอโดยเป็นคำร้องต่อศาลเมื่อวันที่27 ตุลาคม 2531
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า สิทธิตามใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเป็นสิทธิเฉพาะตัวโอนให้แก่กันไม่ได้ จึงไม่มีลักษณะเป็นทรัพย์สินอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลาย ตามมาตรา 19 วรรคแรกและ 109 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2481 (ที่ถูกน่าจะเป็น 2483) เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิยึด และการร้องคัดค้านของจำเลยที่ 2 เป็นการใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2481 (ที่ถูกน่าจะเป็น 2483) มาตรา 158นั้น พระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 19 บัญญัติว่าคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ให้ถือเสมือนว่าเป็นหมายศาลให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ายึดดวงตราสมุดบัญชี และเอกสารของลูกหนี้และบรรดาทรัพย์สินซึ่งอยู่ในความครอบครองของลูกหนี้หรือของผู้อื่นอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลาย เห็นว่าตามบทบัญญัติดังกล่าว เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2 แล้ว ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2ทั้งปวงจึงตกอยู่ในอำนาจการจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจยึดทรัพย์สินซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 2 ทั้งปวงหรือของผู้อื่นอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลายจำเลยที่ 2 ไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆ อันเกี่ยวกับทรัพย์สินของตนและสิทธิตามใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเป็นของจำเลยที่ 2 สิทธิดังกล่าวจึงตกอยู่ในอำนาจการจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรณีถือไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้มีส่วนได้เสียตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 158 การที่จำเลยที่ 2ถือว่าสิทธิตามใบอนุญาตตั้งสถานบริการไม่ใช่ทรัพย์สินอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลายเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิยึดนั้น จึงเป็นการโต้แย้งว่าการกระทำดังกล่าวของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยที่ 2 ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช2483 มาตรา 146 หาใช่มาตรา 158 ไม่ และตามมาตรา 146 บัญญัติให้ผู้ล้มละลาย เจ้าหนี้หรือบุคคลที่ได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลภายในกำหนดสิบสี่วัน นับแต่วันที่ทราบการกระทำหรือคำวินิจฉัยนั้น คดีนี้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ทราบถึงการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ คือการยึดสิทธิตามใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2528 จำเลยที่ 2 ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2531 จึงพ้นกำหนดสิบสี่วันนับแต่วันที่จำเลยที่ 2 ทราบถึงการกระทำของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share