คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7483/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำคัดค้านขอให้ตั้งผู้คัดค้านที่ 1 เป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ ผู้คัดค้านที่ 2 ยื่นคำร้องคัดค้านผู้คัดค้านที่ 1 และขอให้ตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ แม้ตามคำร้องของผู้คัดค้านที่ 2 จะใช้ข้อความว่า ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมโดยได้รับความยินยอมของโจทก์ (ผู้ร้อง) นั้น ก็เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านที่ 2 ร้องสอดใช้สิทธิของตนเองเพื่อโต้แย้งกับผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นการร้องขอเพื่อยังให้ได้รับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) มิใช่มาตรา 57 (2) จึงสามารถใช้สิทธิเสมือนว่าตนได้ฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ตามมาตรา 58 แม้ต่อมาผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 จะได้ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องและคำคัดค้านและศาลจะได้สั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 จากสารบบความก็คงมีผลเฉพาะคดีของผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ไม่มีคำร้องและคำคัดค้านเดิมตามลำดับที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเท่านั้น หามีผลให้คำร้องขอของผู้คัดค้านที่ 2 ตกไปด้วยไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า เด็กหญิงวริศรา ผู้เยาว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายประพันธ์ สามีของผู้ร้อง ต่อมานายประพันธ์ถึงแก่ความตาย ผู้เยาว์จึงไม่มีผู้ปกครอง ขอให้ตั้งผู้ร้องเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์
ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ 1 เป็นพี่ร่วมบิดามารดาเดียวกันกับนางอนงค์ มารดาของผู้เยาว์ ขอให้ยกคำร้องและตั้งผู้คัดค้านที่ 1 เป็นผู้ปกครองผู้เยาว์
ผู้คัดค้านที่ 2 ยื่นคำร้องขอว่าเป็นย่าของผู้เยาว์จึงมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีโดยร้องสอดเข้าเป็นผู้ร้องร่วมกับผู้ร้อง โดยได้รับความยินยอมของผู้ร้องและคัดค้านการที่ผู้คัดค้านที่ 1 ขอเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์โดยขอให้ตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้องของผู้คัดค้านที่ 2
ระหว่างพิจารณา ผู้ร้องยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขอ และผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำร้องขอถอนคำคัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า กรณีไม่มีคำร้องและคำคัดค้าน อันเป็นข้อพิพาทที่ผู้คัดค้านที่ 2 จะต้องคัดค้านอีกต่อไป ให้จำหน่ายคดีของผู้คัดค้านที่ 2 ออกจากสารบบความ
ผู้คัดค้านที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า แม้ตามคำร้องของผู้คัดค้านที่ 2 ที่ขอให้ศาลสั่งให้ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้ปกครองผู้เยาว์นั้น จะใช้ข้อความว่า ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม โดยได้รับความยินยอมของโจทก์ (ผู้ร้อง) นั้น ก็เป็นกรณีที่ผู้คัดค้านที่ 2 ร้องสอดใช้สิทธิของตนเองเพื่อโต้แย้งกับผู้คัดค้านที่ 1 จึงเป็นการร้องขอเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) มิใช่มาตรา 57 (2) จึงสามารถใช้สิทธิเสมือนว่าตนได้ฟ้องหรือถูกฟ้องเป็นคดีเรื่องใหม่ ตามมาตรา 58 แม้ต่อมาผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 จะขอถอนคำร้องขอและคำคัดค้าน และศาลจะสั่งจำหน่ายคดีของผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 จากสารบบความก็คงมีผลเฉพาะคดีของผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ไม่มีคำร้องและคำคัดค้านเดิมตามลำดับที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเท่านั้น หามีผลทำให้คำร้องขอของผู้คัดค้านที่ 2 ตกไปด้วยไม่ เมื่อศาลชั้นต้นได้ไต่สวนคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 2 มาแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปเลยโดยไม่ต้องย้อนสำนวนให้ศาลล่างทั้งสองพิจารณาและมีคำสั่งใหม่ คดีนี้บิดาผู้เยาว์ที่ตายไม่ได้ทำหนังสือระบุชื่อห้ามผู้คัดค้านที่ 2 ไว้มิให้เป็นผู้ปกครอง และได้ความจากคำเบิกความของผู้เยาว์ว่าประสงค์จะอยู่กับผู้คัดค้านที่ 2 เมื่อผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นย่าของผู้เยาว์และไม่มีลักษณะต้องห้ามมิให้เป็นผู้ปกครองแต่อย่างใด จึงเห็นสมควรตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้ปกครองเด็กหญิงวริศราผู้เยาว์
พิพากษากลับว่า ให้ตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้ปกครองเด็กหญิงวริศรา ผู้เยาว์ ให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.

Share