แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จะเป็นความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 226 นั้นจะต้องได้ความว่า จำเลยได้บอกให้เจ้าพนักงานผู้มีตำแหน่งทำการตามหน้าที่จดข้อความซึ่งมันรู้อยู่ว่าเป็นเนื้อความเท็จลงในหนังสืออย่างใดๆ ฯลฯ
การที่จำเลยพิมพ์เอกสารนั้นเองทั้งฉบับ นำมาให้เจ้าหน้าที่เซ็นชื่อโดยไม่ได้บอกให้เจ้าหน้าที่จดและเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้จดตามจำเลยบอกไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 226,227 ฐานบอกให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จและใช้หนังสือปลอม
จำเลยให้การปฏิเสธ
ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1 เป็นเสมียนฝึกหัดอำเภอเมืองนครราชสีมา ได้ทำเอกสารขึ้นเอง 2 ฉบับ เป็นหนังสือจากคณะกรมการอำเภอเมืองนครราชสีมาถึงเลขานุการกรรมการปันส่วนและผู้จัดการบริษัทจังหวัด ซึ่งมีข้อความเท็จว่า ขอให้จ่ายสิ่งของปันส่วนให้คณะกรรมการปันส่วนประจำหมู่บ้าน คือไม้ขีดไฟ 2,400 กลักโดยจำเลยให้นายตัด เกิดแก้วปลัดอำเภอเมืองลงนาม บริษัทจ่ายไม้ขีดไฟให้จำเลย ๆ เอาเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า แม้จำเลยที่ 1 จะเป็นผู้พิมพ์เอกสารนั้นเองตลอด นายตัดเพียงแต่เซ็นชื่อ พอถือได้ว่านายตัดได้จดข้อความในเอกสารนั้นด้วยตนเอง จึงผิดตาม กฎหมายอาญา มาตรา 226 และจำเลยที่ 1 ได้นำเอกสารเท็จไปใช้แก่ผู้อื่นย่อมผิดตาม มาตรา 227 อีกกระทงหนึ่ง พิพากษารวมกระทงลงโทษจำเลยที่ 1 หนึ่งปี สี่เดือนจำเลยที่ 2 ปล่อย
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยผิดตาม มาตรา 226 แต่จำเลยไม่มีความผิดตาม มาตรา 227 เพราะมิใช่เป็นเรื่องที่ผู้อื่นปลอม หรือบอกให้เจ้าพนักงานจดข้อความเท็จ พิพากษาแก้ให้ลงโทษตาม มาตรา 226 กระทงเดียวมีกำหนด 1 ปี
จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ไม่มีผิดตาม กฎหมายอาญา มาตรา 226
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยจะผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 226 ก็ต่อเมื่อ จำเลยได้บอกให้เจ้าพนักงานผู้มีตำแหน่งหน้าที่ทำการตามหน้าที่จดข้อความซึ่งมันรู้อยู่ว่าเป็นเนื้อความเท็จลงในหนังสืออย่างใด ๆ ฯลฯ แต่คดีนี้จำเลยพิมพ์เอกสาร 2 ฉบับมาให้นายตัดลงลายมือชื่อ จะเรียกว่าจำเลยได้บอกให้นายตัดจดข้อความลงในเอกสาร2 ฉบับนั้นหาได้ไม่ เพราะจำเลยก็ไม่ได้บอกให้นายตัดจด และนายตัดก็มิได้จดตามจำเลยบอก จำเลยไม่มีความผิด พิพากษากลับยกฟ้อง