แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยแต่งให้ ส. เป็นทนายความ และให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้แทนจำเลย การที่ทนายจำเลยยื่นคำให้การ แก้คดีและลงลายมือชื่อรับทราบกำหนดวันเวลานัดชี้สองสถาน ไว้แล้ว จึงเป็นการกระทำแทนจำเลยโดยชอบ ถือว่าจำเลย ทราบวันเวลานัดชี้สองสถานแล้วด้วย ครั้นถึงกำหนดดังกล่าว จำเลยรวมทั้งทนายจำเลยไม่ไปศาล ศาลชั้นต้นจึงชี้สองสถาน และกำหนดวันเวลานัดสืบพยานโจทก์ไป การที่ไม่มีผู้ใด ฝ่ายจำเลยไปศาลในวันนัดชี้สองสถานซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 ตรี วรรคแรกให้ถือว่าจำเลยและทนายจำเลยได้ทราบกระบวนพิจารณาในวันนั้นแล้ว ซึ่งรวมถึงทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์อันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นด้วย เมื่อจำเลยและทนายจำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือร้องขอเลื่อนคดีในวันสืบพยานหรือก่อนวันนั้นจึงเป็นการขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ และไม่มีเหตุสมควรที่จะให้ พิจารณาใหม่ การที่ทนายจำเลยทั้งสองไม่แจ้งวันนัดให้จำเลย ทราบเป็นเรื่องระหว่างจำเลยกับทนายจำเลย จำเลยจะนำมาอ้าง เป็นเหตุว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณาหาได้ไม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณาและศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 550,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันทำสัญญาจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 22,458 บาท หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดพิจารณา ทนายจำเลยทราบนัดแล้วไม่แจ้งให้จำเลยทั้งสองทราบและไม่ไปศาลในวันนัด เพราะต้องการให้จำเลยทั้งสองแพ้คดีซึ่งจำเลยทั้งสองจะได้ร้องเรียนต่อสภาทนายความต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เหตุสำคัญแห่งการที่ศาลจะอนุญาตให้จำเลยทั้งสองพิจารณาใหม่ตามคำร้องขึ้นอยู่กับข้อที่ว่า ศาลเห็นว่ามีเหตุสมควรเชื่อว่าจำเลยทั้งสองที่ขาดนัดนั้นมาศาลไม่ได้แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏตามคำร้องโดยชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยทั้งสองแต่งให้นายสังเวียน หลัดกอง เป็นทนายความของจำเลยทั้งสอง และให้มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้แทนจำเลยทั้งสองการที่ทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำให้การแก้คดีเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2539 และลงลายมือชื่อรับทราบกำหนดวันเวลานัดชี้สองสถานที่จะกระทำในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2539 เวลา 8.30 นาฬิกา ไว้แล้วจึงเป็นการกระทำแทนจำเลยทั้งสองโดยชอบ ถือว่าจำเลยทั้งสองทราบวันเวลานัดชี้สองสถานแล้วด้วย ครั้นถึงกำหนดดังกล่าวจำเลยทั้งสองรวมทั้งทนายจำเลยทั้งสองไม่ไปศาล ศาลชั้นต้นจึงชี้สองสถานและกำหนดวันเวลานัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 21 มกราคม 2540 เวลา 13 นาฬิกา และวันที่ 27 มกราคม 2540 เวลา 8.30 นาฬิกา การที่ไม่มีผู้ใดฝ่ายจำเลยไปศาลในวันนัดชี้สองสถานประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 ตรี วรรคแรกบัญญัติไว้ให้ถือว่าจำเลยทั้งสองและทนายจำเลยทั้งสองได้ทราบกระบวนพิจารณาในวันนั้นแล้วซึ่งรวมถึงทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์อันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นด้วย เมื่อจำเลยทั้งสองและทนายจำเลยทั้งสองไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือร้องขอเลื่อนคดีในวันสืบพยานหรือก่อนวันนั้น จึงเป็นการขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ และไม่มีเหตุสมควรที่จะให้พิจารณาใหม่ ที่จำเลยทั้งสองอ้างว่าทนายจำเลยทั้งสองไม่แจ้งวันนัดให้จำเลยทั้งสองทราบก็เป็นเรื่องระหว่างจำเลยทั้งสองกับทนายจำเลยทั้งสอง จะนำมาอ้างเป็นเหตุที่มิได้จงใจขาดนัดพิจารณาหาได้ไม่
พิพากษายืน