คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7110/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินโฉนดเลขที่ 30363 ของจำเลยตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินโจทก์โฉนดเลขที่ 30365 และคดีนี้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าที่ดินโฉนดเลขที่ 30363เป็นทางภารจำยอมหรือไม่เท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ที่ดินทางด้านทิศเหนือของที่ดินโฉนดเลขที่ 30363 ส่วนที่อยู่เหนือทางเข้าบ้านโจทก์ขึ้นไปไม่สามารถใช้เป็นทางสัญจรต่อไปได้ ทางภารจำยอมส่วนนี้จึงหมดประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ที่จะใช้ออกสู่ทางสาธารณะ ภารจำยอมส่วนนี้จึงหมดไปจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
ทางพิพาทโฉนดเลขที่ 30363 ของจำเลยตลอดสายเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ดังนี้ การที่จำเลยปลูกสร้างอาคารคร่อมที่ดินโฉนดเลขที่ 30363 ทางด้านทิศเหนือของจำเลย ย่อมเป็นการทำให้โจทก์ไม่ได้รับความสะดวก ถือว่าเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก จำเลยจึงต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกจากทางภารจำยอมดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 30365 จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 30363 ที่ดินของโจทก์และจำเลยติดต่อกันต่อมาจำเลยได้ปิดกั้นทางภารจำยอมโดยปลูกสร้างอาคารไม่มีเลขที่คร่อมที่ดินโฉนดเลขที่ 30363 เป็นเหตุให้โจทก์และบริวารไม่สามารถใช้ทางภารจำยอมได้โดยสะดวก ขอให้พิพากษาว่า ทางพิพาทตามแผนที่สังเขปเอกสารท้ายฟ้องกว้าง 4 เมตร ยาวตลอดความยาวของที่ดินโฉนดเลขที่30363 เป็นทางภารจำยอมให้จำเลยรื้อถอนอาคารไม่มีเลขที่ออกไปจากทางภารจำยอมดังกล่าว

จำเลยให้การว่า จำเลยซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 30363 รวมกับที่ดินโฉนดเลขที่ 1765มาจากนายเท่งเก่า แซ่เจียม โดยสุจริต เสียค่าตอบแทนโจทก์ถือวิสาสะเดินผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 30363 ของจำเลยยังไม่ถึง 10 ปี การที่จำเลยปลูกสร้างบ้านพักคนงานก็ไม่ทำให้ความสะดวกของโจทก์ในการเดินเข้าออกลดน้อยลงแต่อย่างใด ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ทางพิพาทตามโฉนดที่ดินเลขที่ 30363 เป็นทางภารจำยอมให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป 2 เมตร รวมทางเข้าบ้านโจทก์เป็น 6 เมตร หากจำเลยไม่รื้อถอนให้โจทก์รื้อถอนเองโดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอในส่วนที่ให้โจทก์รื้อถอนเองโดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 30363 ตกเป็นทางภารจำยอมแก่ที่ดินโจทก์โฉนดเลขที่ 30365

มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกจากทางภารจำยอมหรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่าทางภารจำยอมส่วนที่อยู่เหนือทางเข้าออกบ้านโจทก์ขึ้นไปหมดประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ที่จะใช้ออกสู่ทางสาธารณะ ภารจำยอมส่วนนี้จึงหมดไป ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกเฉพาะเพื่อเว้นช่องทางให้โจทก์เข้าออกจากที่ดินโจทก์สู่ทางภารจำยอมกว้างรวม 6 เมตร เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 30363 เป็นทางภารจำยอมหรือไม่เท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า ปัจจุบันโจทก์ใช้ที่ดินโฉนดเลขที่ 30363 เป็นทางออกสู่ทางสาธารณะทางด้านทิศใต้ แต่ที่ดินทางด้านทิศเหนือของที่ดินโฉนดเลขที่ 30363ส่วนที่อยู่เหนือทางเข้าบ้านโจทก์ขึ้นไปไม่สามารถใช้ทางสัญจรต่อไปได้ ทางภารจำยอมส่วนนี้จึงหมดประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ที่จะใช้ออกสู่ทางสาธารณะ ภารจำยอมส่วนนี้จึงหมดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1400 จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าทางพิพาทตลอดสายเป็นทางภารจำยอมแล้ว การที่จำเลยปลูกสร้างอาคารคร่อมที่ดินโฉนดเลขที่ 30363 ทางด้านทิศเหนือของจำเลยย่อมเป็นการทำให้โจทก์ไม่ได้รับความสะดวก ถือว่าเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก จำเลยต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกจากทางภารจำยอมดังกล่าว

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 30363 ของจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share