แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทนายทำสัญญากับลูกความว่าความแพ้ไม่เอาเงินค่าจ้างถ้าชนะถึงจะเอาค่าจ้างเป็นสัญญาที่สมบูรณ์ไม่ขัดต่อศิลธรรมอันดีหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชนตาม ม.113 และไม่ผิดต่อ พ.ร.บ.ทนายความทั้งไม่มีลักษณคล้ายสัญญาการพะนัน สัญญาที่มีเงื่อนไขโดยอาศัยเหตุการณ์ไม่แน่นอนนั้นหาเป็นสัญญาการพะนันเสมอไปไม่ สัญญาจ้างว่าความเป็นนิติกรรมเกี่ยวกับศีลธรรมอันดี แลความสงบเรียบร้อยของประชาชนได้เพียงไร วิธีพิจารณาความแพ่ง อำนจศาล นิติกรรมที่เป็นปัญหาว่าจะขัดต่อศีลธรรมอันดีหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างความเสียเปล่าศาลก็หยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ว่าจะเป็นการขัดต่อศีลธรรมอันดีหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือไม่
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยใช้เงินค่าจ้างว่าความแก่โจทก์โดยกล่าวว่าจำเลยจ้างโจทก์เป็นทนายความว่าต่างแก้ต่างแล้วไม่ชำระเงินค่าจ้างตามสัญญา
ศาลแพ่งพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๑๘๕๐ บาทแก่โจทก์ตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามศาลแพ่งว่าจำเลยได้ว่าจ้างโจทก์เป็นทนายความจริง แต่สัญญาว่าความรายที่ ๑ โจทก์ตกลงกับจำเลยว่า ถ้าความแพ้โจทก์จะไม่เรียกเงินค่าจ้างเลย ถ้าความชนะจำเลยต้องเสียเงินให้โจทก์ ๒๐๐๐ บาทจะเป็นสัญญาสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าเป็นการไม่ชอบด้วยพ.ร.บ.ทนายความ เป็นสัญญาขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนมีลักษณคล้ายการพะนันไม่สมบูรณ์บังคับไม่ได้ตามกฎหมาย คงบังคับให้จำเลยใช้เงินเพียง ๑๕๐ บาท ตามสัญญารายที่ ๒
โจทก์ฎีกว่า (๑) จำเลยอุทธรณ์ข้อเท็จจริงไม่ได้อุทธรณ์ข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจยกข้อกฎหมายขึ้นวินิจฉัย (๒) สัญญารายที่ ๑ เป็นสัญญาจ้างว่าความธรรมดาสมบูรณ์ตามกฎหมายทุกประการ ไม่อยู่ในบังคับตามมาตรา ๑๑๓
ศาลฎีกาเห็นว่าตามฎีกาข้อ ๑ โดยปกติศาลย่อมวินิจฉัยฉะเพาะประเด็นที่คู่ความโต้เถียงกันดังตัวอย่างฎีกาที่ ๒๙๗-๒๙๘/๒๔๗๕ ซึ่งศาลฎีกาวางไว้สำหรับคดีธรรมดา แต่ถ้าคดีใดมีปัญหาเกี่ยวกับศีลธรรมอันดีหรือความสงบเรียบร้องของประชาชนแล้ว ศาลวินิจฉัยได้เสมอ แม้ฝ่ายที่ต้องรับผิดมิได้โต้แย้งคัดค้านประการใดเลยก็ดี สัญญาจ้างว่าความรายที่ ๑ เป็นนิติธรรมเกี่ยวกับศีลธรรมอันดีแลความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยได้แม้จำเลยจะมิได้คัดค้านขึ้นมาก็ดี
ส่วนฎีกาโจทก์ข้อ ๒ ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ดู พ.ร.บ. ทนายความแล้วเห็นว่าตามลายลักษณอักษรก็ดี ตามความประสงค์ก็ดี หาปรากฎข้อจำกัดห้ามทนายความไม่ให้ทำสัญญารับจ้างว่าความอย่างสัญญารายพิพาทนี้ไม่ ไม่มีตอนใดที่จะบ่งไปในทางให้เห็นว่าโจทก์มีส่วนได้ในทรัพย์สินที่เป็นมูลพิพาทแก่กันเลย จึงกล่าวไม่ได้ว่าสัญญารายพิพาทนี้เป็นผิดต่อ พ.ร.บ.ทนายความแลสัญญานี้เป็นทำนองคล้ายการพะนันอันไม่ควรสนับสนุนดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยหรือไม่นั้นเห็นว่าการพะนันนั้นต้องเป็นไปในทำนองการแสวงหาผลประโยชน์โดยอาศัยการเสี่ยงโชคอย่างเดียวไม่ต้องลงแรงอย่างใด แลไม่เกี่ยวกับส่วนได้เสียในทางที่ชอบ ส่วนข้อตกลงที่อาศัยเหตุไม่แน่นอนเป็นการกำหนดค่าจ้างนั้นไม่เรียกว่าเป็นการพะนันหรือเสี่ยงโชคเลย เพราะถ้าถือดังนั้นแล้วสัญญามีเงื่อนไขจะใช้ไม่ได้ที่ศาลอุทธรณ์ว่าแม้จะไม่เป็นการการพนันทีเดียวก็ไม่ชอบที่จะสนับสนุน ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นมีแต่เพียงว่าสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องร้องสมบูรณ์ตามกฎหมายไม่ผิดต่อ พ.ร.บ.ทนายความตามพฤติการณ์ในคดีนี้ ไม่เป็นสัญญาที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชนและไม่มีลักษณคล้ายการพะนัน จึงตัดสินกลับศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลเดิม