คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1272/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีครั้งที่สามว่า ทนายโจทก์เพิ่งเดินทางกลับจากต่างจังหวัด ได้รับละอองฝน และตากแดดตลอดการเดินทางมีอาการเป็นไข้ ตัวร้อนและปวดเมื่อยร่างกาย ไม่สามารถมาศาลได้ ประกอบด้วยพยานโจทก์ที่จะมาเบิกความ คือ จ. และ ล. ซึ่งได้เตรียมคำให้การไว้แล้วแจ้งว่ามีกิจธุระต้องรีบเดินทางไปต่างประเทศ ไม่อาจมาเป็นพยานได้ จึงขอเลื่อนคดีไปสักนัดหนึ่ง เมื่อจำเลยมิได้คัดค้านว่า ทนายโจทก์ไม่ป่วยจริง ต้องถือว่าทนายโจทก์ป่วยและมีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ แต่ทนายโจทก์ได้มีคำขอและศาลได้สั่งเลื่อนคดีไปสองครั้งแล้ว และทนายโจทก์มีคำขอเลื่อนคดีครั้งที่สามนี้อีกโดยมิได้แสดงให้เป็นที่ พอใจของศาลได้ว่า ถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม ศาลจึงไม่อาจให้เลื่อนคดีได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 13,394,165.82 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จและคืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารแก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน โดยนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 5 เมษายน 2537 เวลา 9 นาฬิกา ถึงวันนัด ทนายความโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายความนำคำร้องมายื่นอ้างว่าติดการไต่สวนฉุกเฉินคดีอื่นที่ศาลจังหวัดชลบุรี ขอเลื่อน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์วันที่ 7 มิถุนายน 2537 เวลา9 นาฬิกา โดยกำชับคู่ความทั้งสองฝ่ายว่านัดหน้าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีก เว้นแต่มีเหตุอันสมควร ถึงวันนัดทนายความโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายความนำคำร้องมายื่นอ้างว่าต้องไปเข้ารับการฝึกวิชาทหารตามหมายเรียกพลของกองทัพบก ซึ่งมีกำหนดให้เข้าไปรายงานตัวในวันที่ 7 มิถุนายน 2537 ไม่อาจมาว่าความได้ ขอเลื่อนศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์วันที่ 9 สิงหาคม 2537เวลา 9 นาฬิกา และกำชับว่านัดหน้าให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อมสืบ หากไม่มีพยานมาสืบให้ถือว่าไม่ติดใจสืบพยานถึงวันนัดทนายความโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายความนำคำร้องมายื่นขอเลื่อนคดีอีก โดยอ้างเหตุว่าเนื่องจากทนายความโจทก์เพิ่งเดินทางกลับจากต่างจังหวัด ได้รับละอองฝนและตากแดดตลอดการเดินทางมีอาการเป็นไข้ตัวร้อนและปวดเมื่อยร่างกาย ไม่สามารถมาศาลได้ประกอบกับพยานโจทก์ที่จะมาเบิกความคือ นายจิน คิว โฮและนายเลาไซ ควาน มีกิจจำเป็นต้องรีบเดินทางไปต่างประเทศ ไม่อาจมาเป็นพยานได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฝ่ายโจทก์เป็นฝ่ายขอเลื่อนคดีรวมนัดนี้เป็นครั้งที่สาม โดยครั้งแรกอ้างว่าติดว่าความที่ศาลอื่นเรื่องไต่สวนฉุกเฉิน นัดที่แล้วอ้างว่าติดฝึกวิชาทหาร โดยไม่ปรากฎหลักฐานประกอบ และการขอเลื่อนครั้งที่สามนี้ก็ไม่ปรากฎหลักฐานรับรองว่าทนายความโจทก์ป่วยเจ็บจริงหรือป่วยเจ็บจนไม่สามารถมาศาลได้ ทั้งโจทก์ก็ควรจะเตรียมพยานปากอื่นมาศาลได้ นอกเหนือจากพยานตามข้อกล่าวอ้างในคำร้องขอเลื่อนเพราะโจทก์ระบุพยานบุคคลไว้แล้วถึง 22 ปาก และในนัดก่อนศาลได้กำชับไว้แล้วว่าให้โจทก์เตรียมพยานมาให้พร้อมสืบ หากไม่มีพยานมาศาลจะถือว่าไม่ติดใจสืบพยาน การเลื่อนคดีของโจทก์มีลักษณะเป็นการประวิงคดีไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี ให้ยกคำร้อง และให้ถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยาน ให้นัดสืบพยานจำเลยวันที่ 10 ตุลาคม 2537เวลา 9 นาฬิกา จากนั้นให้จำเลยนำพยานเข้าสืบจนแล้วเสร็จ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาสืบพยานโจทก์จนสิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำร้องขอเลื่อนคดีของทนายความโจทก์ความว่า เนื่องจากทนายความโจทก์เพิ่งเดินทางกลับจากต่างจังหวัดได้รับละอองฝนและตากแดดตลอดการเดินทางมีอาการเป็นไข้ ตัวร้อนและปวดเมื่อยร่างกาย ไม่สามารถมาศาลในวันนี้ได้ ประกอบด้วยพยานโจทก์ที่จะมาเบิกความในวันนี้คือนายจิน คิว โฮ และนายเลาไซ ควาน ซึ่งได้เตรียมคำให้การไว้แล้วแจ้งว่ามีกิจธุระต้องรีบเดินทางไปต่างประเทศ ไม่อาจมาเป็นพยานในคดีนี้ได้จึงขอเลื่อนคดีไปสักนัดหนึ่ง ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมิได้คัดค้านว่าทนายความโจทก์ไม่ป่วยจริง ต้องถือว่าทนายความโจทก์ป่วยและมีเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้ แต่ทนายความโจทก์ได้มีคำขอและศาลได้สั่งเลื่อนคดีไปสองครั้งแล้ว และทนายความโจทก์มีคำขอเลื่อนคดีอีกโดยมิได้แสดงให้เป็นที่พอใจของศาลได้ว่าถ้าศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนต่อไปอีกจะทำให้เสียความยุติธรรม ศาลจึงไม่อาจให้เลื่อนคดีได้ ที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษากลับ ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ข้ออื่น ๆ ต่อไป

Share