คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 711/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนเกิดเหตุราว 1 ชั่วโมง ผู้ตายกับจำเลยเล่นการพนันกัน ผู้ตายหาว่าจำเลยไม่ยอมให้เสียการพนันเป็นเงิน 1 บาท เกิดโต้เถียงกันแล้วก็เลิกกันไป ต่อมาขณะจำเลยอยู่ที่เพิงซึ่งเป็นที่อยู่ของจำเลย ผู้ตายเมาสุรามาที่เพิงและด่าแม่จำเลย จำเลยโกรธจึงได้ใช้มีดดาบฟันแขนผู้ตาย 1 ที และแทงถูกเหนือนมขวาผู้ตายอีก 1 ที ผู้ตายถึงแก่ความตาย พอถือได้ว่าจำเลยได้ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 72 (อ้างฎีกาที่ 409/2498)
ในคดีอาญา ฟ้องในข้อหาว่าฆ่าคนโดยเจตนา จำเลยต่อสู้ว่าป้องกันตัว ไม่ได้ต่อสู้ในข้อบันดาลโทสะ เมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่ปรากฏในสำนวน แม้จะไม่มีประเด็นในข้อบันดาลโทสะมาสู่ศาล ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณแก่จำเลยได้ เสมอ เพราะถือว่า เกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 (อ้างฎีกาที่ 1818/2499)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้มีดดาบและมีพกทำร้ายนายหอมตายโดยเจตนาฆ่าและใช้มีดดาบทำร้ายนายชูถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๙๕
จำเลยต่อสู้ว่า ที่ฆ่านายหอมนั้นเป็นการป้องกันตัว พอสมควรแก่เหตุ ส่วนข้อหาทำร้ายนายชูจำเลยรับสารภาพ
ศาลอาญาฟังว่าจำเลยทำผิดตามฟ้อง ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๒๙๕ แต่ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๘ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก ๑๕ ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์ในการพิจารณาลดกึ่งตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๗ ปี ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัว พอสมควรแก่เหตุ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการป้องกันตัว แต่จำเลยกระทำไปโดยบันดาลโทสะ โดยถูกข่มเหงอย่างร้างแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และจำเลยได้ทำร้ายผู้ตายในขณะนั้นเอง จึงพิพากษาแก้ศาลอาญาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วย มาตรา ๗๒ ซึ่งเป็นกระทงหนัก ให้จำคุกจำเลย ๑๐ ปี ลดกึ่งตามมาตรา ๗๘ เหลือโทษจำคุก ๕ ปี นอกจาที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนเกิดเหตุราว ๑ ชั่วโมง ผู้ตายกับจำเลยเล่นการพนันกัน ผู้ตายหาว่าจำเลยไม่ยอมให้เสียการพนันเป็นเงิน ๑ บาท เกิดโต้เถียงกันแล้วก็เลิกกันไป ต่อมาขณะจำเลยอยู่ที่เพิงซึ่งเป็นที่อยู่ของจำเลย ผู้ตายเมาสุรามาที่เพิงและด่าแม่จำเลย จำเลยโกรธจึงได้ใช้มีดดาบฟันแขนผู้ตาย ๑ ที และแทงถูกเหนือนมขวาาผู้ตายอีก ๑ ที แผลเหนือนมทำให้ถึงตาย เพราะเสียเลือดมาก ศาลฎีกาเห็นฟ้องกับศาลทั้งสองว่าจำเลยได้ฆ่าผู้ตายโดยเจตนา และไม่ใช่กระทำโดยป้องกัน แต่ศาลฎีกาเห็นว่าน่าเห็นใจจำเลยที่ถูกผู้ตายเมาสุรามาอาละวาดด่าแม่ถึงที่อยู่ของจำเลย จำเลยสุดจะนิ่งเฉยอยู่ได้ พอถือได้ว่าจำเลยได้ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา ๗๒ (อ้างฎีกาที่ ๔๐๙/๒๔๙๘)
ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลย ไม่ได้ต่อสู้ในข้อบันดาลโทสะ จึงไม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะหยิบยกขึ้นมาปรับกับคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีอาญา เมื่อข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่ปรากฏในสำนวน แม้จะไม่มีประเด็นมาสู่ศาลก็ดี ศาลก็ย่อมมีอำนาจวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณแก่จำเลยได้ เสมอ เพราะถือว่า เกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๕ (อ้างฎีกาที่ ๑๘๑๘/๒๔๙๙)
ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share