คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7109/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้ขัดขวางโจทก์ทั้งแปดที่จะพบปะเยี่ยมเยียนและปรนนิบัติ ต. ผู้เป็นบิดาตามสิทธิของโจทก์ทั้งแปด จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ทั้งแปดมิใช่บุตรของ ต. อันเป็นการปฏิเสธว่าโจทก์ไม่มีสิทธิจะห้ามจำเลยตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ ประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การจำเลยในชั้นนี้จึงมีเพียงว่า สมควรห้ามจำเลยตามคำฟ้องของโจทก์หรือไม่เท่านั้น มิได้พาดพิงไปถึงเรื่องการรับรองบุตรนอกกฎหมายของ ต. ด้วย ดังนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับรองบุตรของ ต. โดยอ้างว่าการจดทะเบียนรับรองบุตรดังกล่าวเกิดจากการฉ้อฉลของโจทก์ จึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทตามประเด็นในฟ้องเดิมของโจทก์
แม้จำเลยจะมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับรองบุตรของ ต. ได้ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ต. ก็ตาม แต่เมื่อจำเลยมิได้ฟ้อง ต. ผู้จดทะเบียนรับรองบุตรมาด้วย คงฟ้องแย้งลำพังแต่โจทก์ทั้งแปดเท่านั้น ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องแย้งที่มีคำขอให้มีผลบังคับอันจะกระทบกระเทือนถึงสิทธิของ ต. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีด้วย จึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่ชอบและไม่อาจบังคับได้ ไม่ชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งแปดเป็นบุตรนายเต็ม ขอให้มีคำสั่งไม่ให้จำเลยและบริวารกีดกัน ขัดขวาง หรือกระทำการใดเพื่อไม่ให้โจทก์ทั้งแปดพูดคุยเยี่ยมเยียนและปรนนิบัติ โดยขอให้จำเลยยินยอมให้โจทก์ทั้งแปดเข้าพบนายเต็มที่บ้านจำเลยได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๓ วัน และให้โจทก์ทั้งแปดมีสิทธินำนายเต็มเข้ารับการรักษาพยาบาลยามเจ็บป่วยด้วย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายเต็ม จึงมีสิทธิโดยชอบที่จะอยู่กินกับสามีอย่างเป็นการส่วนตัวในครอบครัวของจำเลยตามปกติสุข โจทก์ทั้งแปดใช้อุบายฉ้อฉลหลอกลวงให้นายเต็มลงลายมือชื่อรับรองโจทก์ทั้งแปดว่าเป็นบุตร โดยนายเต็มไม่มีเจตนาที่จะทำเอกสารดังกล่าว จำเลยเป็นผู้มีส่วนได้เสียในสินสมรสระหว่างจำเลยกับนายเต็ม ขอให้ยกฟ้องและขอให้เพิกถอนเอกสารที่นายเต็มจดทะเบียนรับรองโจทก์ทั้งแปดว่าเป็นบุตร
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การ แต่ให้ยกฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รับฟ้องแย้ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การจำเลยมีเพียงว่า สมควรห้ามจำเลยตามคำฟ้องของโจทก์หรือไม่เท่านั้น มิได้พาดพิงไปถึงเรื่องการรับรองบุตรนอกกฎหมายของนายเต็มด้วย ดังนั้น ฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับรองบุตรของนายเต็ม โดยอ้างว่าการจดทะเบียนรับรองบุตรดังกล่าวเกิดจากการฉ้อฉลของโจทก์ จึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทตามประเด็นในฟ้องเดิมของโจทก์ แม้จำเลยจะมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนรับรองบุตรของนายเต็มได้ในฐานะที่จำเลยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายเต็มก็ตาม แต่เมื่อจำเลยมิได้ฟ้องนายเต็ม ผู้จดทะเบียนรับรองบุตรมาด้วย คงฟ้องแย้งลำพังแต่โจทก์ทั้งแปดเท่านั้น ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องแย้งที่มีคำขอให้มีผลบังคับอันจะกระทบกระเทือนถึงสิทธิของนายเต็มซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีด้วย จึงเป็นฟ้องแย้งที่ไม่ชอบและไม่อาจบังคับได้ ไม่ชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณา
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share