คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

วิธีดำเนิรคดีในเรื่องผู้เสมือนไร้ความสามารถเป็นจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ฮ.จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป ๘๐๐ บาท จึงขอให้ใช้ต้นเงินแลดอกเบี้ย
เมื่อสืบพะยานโจทก์เสร็จแล้วทนาย ฮ.จำเลยแถลงต่อศาลว่าศาลแพ่งได้สั่งให้ ฮ.เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถแลตั้ง บ. ผู้พิทักษ์
ศาลคดีต่างประเทศจึงเรียก บ.ผู้พิทักษ์เข้ามาเป็นจำเลยด้วย แลฟังว่า ฮ.จำเลยได้กู้เงินโจทก์ในขณะที่มีสติปกติไปจริงจึงพิพากษาให้ ฮ.จำเลยแล บ.ในฐานเป็นผู้พิทักษ์ใช้เงินแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าให้เรียก บ.เข้ามาเป็นจำเลยในฐานะเป็นผู้พิทักษ์นอกนั้นยืนตาม
จำเลยฎีกาว่าศาลไม่มีอำนาจเรียก บ.ผู้พิทักษ์เข้ามาเป็นจำเลยได้ เพราะขัดต่อประมวลแพ่ง ฯ ม.๓๕
ศาลฎีกาเห็นว่าตามประมวลแพ่ง ม.๓๕ บุคคลผู้เสมือนไร้ความสามารถจะทำกิจการอันเกี่ยวด้วยคดีความในศาลต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อนจึงจำทำ ได้เห็นว่าการที่ศาลล่างเรียก บ.เข้ามาเป็นจำเลยหรือในฐานเป็นผู้พิทักษ์ ฮ.จำเลยยังไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงพิพากษาให้ศาลเดิมดำเนิรการเรียก บ.ผู้พิทักษ์มาให้ความยินยอมหรือให้ ฮ. แต่ทนายใหม่โดยได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์แล้วสืบพะยานจำเลยและพิพากษาใหม่ตามกระบวนความถ้าผู้พิทักษ์ไม่ให้ความยินยอมก็มีทางร้องขอต่อศาลขอถอนผู้พิทักษ์แลตั้งผู้พิทักษ์ขึ้นใหม่ถ้าไม่เป็นการสดวกที่จะทำดังกล่าวแล้วบุคคลดังระบุไว้ในมาตรา ๒+ จะร้องต่อศาลให้ตั้งผู้พิทักษ์จำเลยเพื่อดำเนิรคดีต่อไปตามกระบวนความก็ได้

Share