คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1208/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายฐานละเมิดต่อโจทก์เป็นเงิน308,1447.20บาทศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยที่1ที่2ได้ตัดฟันต้นไม้ที่ปลูกในป่าสงวนแห่งชาติเป็นการกระทำละเมิดต่อกรมป่าไม้โจทก์และพิพากษาให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน125,800บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์การที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่3เป็นผู้จ้างวานจำเลยที่1และที่2จำเลยที่3จึงต้องร่วมรับผิดในความเสียหายต่อโจทก์ด้วยนั้นจึงเป็นกรณีที่โจทก์ขอให้จำเลยที่3ร่วมรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของจำเลยที่1และที่2อันเป็นหนี้ร่วมอันไม่อาจแบ่งแยกได้ซึ่งหากจำเลยที่3จะต้องรับผิดก็ไม่เกินความเสียหายที่จำเลยที่1และที่2ได้กระทำดังนี้ถือว่าฎีกาของโจทก์สำหรับจำเลยที่3มีทุนทรัพย์พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่งด้วยเช่นกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นลูกจ้างหรือตัวแทนของจำเลยที่ 3 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2531 จำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 3 โดยร่วมกันเข้าไปแผ้วถาง ก่นสร้าง ไถ ทำลายเผาป่าและยึดถือครอบครองป่าท่าเคย ป่าคลองไทร ป่ามะลวน และป่าบางงวนเนื้อที่ 74 ไร่ ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ และได้ประกาศให้ประชาชนทราบแล้ว อันเป็นการทำให้เสียหายทำลายและเสื่อมเสียแก่สภาพป่าเป็นเหตุให้โจทก์เสียหายคิดเป็นค่าชดเชยการปลูกสร้างและบำรุงรักษาสงวนป่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1489/2531 ของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 คนละ 1 ปี ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยถึงวันฟ้องแก่โจทก์เป็นเงิน 308,147.20บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 256,406 บาทนับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ขาดนัด ยื่นคำให้การ และ ขาดนัดพิจารณา
จำเลย ที่ 3 ให้การ ต่อสู้ คดี ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2ร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 125,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2531เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 3ส่วนฎีกาของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 มีทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงจึงไม่รับฎีกาของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ข้อเท็จจริงสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ว่า จำเลยที่ 1ที่ 2 ได้ตัดฟันต้นไม้ที่ปลูกในป่าสงวนแห่งชาติเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ และให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 125,800 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 3 เป็นผู้จ้างวานจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยที่ 3 จึงต้องร่วมรับผิดในความเสียหายต่อโจทก์ด้วย ฎีกาของโจทก์จึงเป็นกรณีที่ขอให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดในผลแห่งการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 และที่ 2 อันเป็นหนี้ร่วมอันไม่อาจแบ่งแยกได้หากจำเลยที่ 3 จะต้องรับผิดก็ไม่เกินความเสียหายที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้กระทำถือว่าฎีกาของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 มีทุนทรัพย์พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท และต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคหนึ่ง เช่นกัน ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 มานั้นจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายก ฎีกา ของ โจทก์ สำหรับ จำเลย ที่ 3

Share