คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 706/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์ เป็นเรื่องอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ จำเลยไม่มีสิทธิยื่นฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่ให้ทุเลาการบังคับ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องให้จำเลยใช้หนี้จำนองพร้อมดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2519 ให้จำเลยชำระเงินต้น 30,000 บาทและดอกเบี้ยที่ค้าง 11,037 บาท 50 สตางค์ รวม 41,037 บาท 50 สตางค์ กับดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง ต่อมาวันที่ 22 กรกฎาคม 2519 จำเลยฟ้องโจทก์เป็นจำเลยที่ 1 นางเหมียว สถิตย์วัฒนา เป็นจำเลยที่ 2 และนางสาววันดี สถิตย์วัฒนา เป็นจำเลยที่ 3 ขอให้โจทก์กับพวกร่วมกันชำระหนี้ค่าข้าวโพดและถั่วมัน ซึ่งจำเลยขายให้โจทก์กับพวกเป็นเงิน 21,850 บาท

วันที่ 2 สิงหาคม 2519 จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้งดการบังคับคดีอ้างเหตุว่าจำเลยได้ยื่นฟ้องโจทก์ให้ชำระหนี้ในศาลเดียวกัน หากศาลพิพากษาให้โจทก์ชำระหนี้ จำเลยขอหักกลบลบหนี้และไถ่ถอนจำนองต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่มีเหตุให้งดการบังคับคดีตามคำร้อง ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นและยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยว่าคดีไม่มีเหตุที่จะให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง

จำเลยฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่ให้ทุเลาการบังคับ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 231 การขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์ เป็นเรื่องอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ ศาลฎีกาไม่มีอำนาจเข้าไปเกี่ยวข้อง จำเลยจึงไม่มีสิทธิยื่นฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ไม่ให้ทุเลาการบังคับ

พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย

Share