แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เมื่อสัญญาเช่าซื้อที่ถือว่าเป็นมูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้ปิดอากรแสตมป์จึงต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งตามประมวลรัษฎากรมาตรา 118 และรับฟังไม่ได้ว่ามีการทำสัญญาเช่าซื้อกันเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 ฉะนั้น หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อย่อมไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมาย
เมื่อวันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดใช้เงินอันถือว่าเป็นวันที่จำเลยออกเช็คชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรายนี้ยังบังคับตามกฎหมายไม่ได้เช่นนี้การออกเช็คของจำเลยจึงมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่บังคับได้ตามกฎหมาย และการกระทำของจำเลยย่อมขาดองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 4 จำเลยจึงไม่มีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ โดยอัยการพิเศษประจำเขต 2 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4ให้จำคุก 1 ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง จึงลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78หนึ่งในสามคงจำคุก 8 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยได้เช่าซื้อรถขุดจากบริษัทผู้เสียหายรวม 2 คันด้วยกัน คันแรกเช่าซื้อเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2537ตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ล.1 คันที่สองคือครั้งที่เกิดเหตุคดีนี้จำเลยเช่าซื้อเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2537 ตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.2เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยออกให้แก่ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.2 เมื่อเช็คถึงกำหนดผู้เสียหายนำไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ให้เหตุผลว่าบัญชีปิดแล้ว สำหรับสัญญาเช่าซื้อตามเอกสารหมาย จ.2 ดังกล่าวข้างต้น ปรากฏว่ายังมิได้ปิดอากรแสตมป์ คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า เมื่อสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.2 ที่ถือว่าเป็นมูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้ปิดอากรแสตมป์ จึงต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งตามประมวลรัษฎากร มาตรา 118 และรับฟังไม่ได้ว่ามีการทำสัญญาเช่าซื้อกันเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572ฉะนั้น หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อย่อมไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อวันที่เช็คพิพาทถึงกำหนดใช้เงินอันถือว่าเป็นวันที่จำเลยออกเช็คชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อรายนี้ยังบังคับตามกฎหมายไม่ได้เช่นนี้การออกเช็คของจำเลยจึงมิใช่เป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่บังคับได้ตามกฎหมาย และการกระทำของจำเลยย่อมขาดองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534มาตรา 4 จำเลยจึงไม่มีความผิด ปัญหาที่ว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อซึ่งมิได้ปิดอากรแสตมป์ อันทำให้เป็นหนี้ที่ไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมายหรือไม่ แม้จำเลยจะไม่ได้ฎีกาโต้แย้งปัญหานี้โดยตรง ศาลฎีกาก็มีอำนาจนำขึ้นมาเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 215 และมาตรา 225 เมื่อวินิจฉัยมาดั่งนี้แล้ว ฎีกาของจำเลยก็ไม่จำต้องวินิจฉัยต่อไปอีก เพราะไม่อาจทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง