คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7019/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมเข้ามาดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสอง โดยอาศัยสิทธิ ตามฟ้องของพนักงานอัยการ เมื่อคำฟ้องของพนักงานอัยการไม่มีคำขอให้ริบของกลางโจทก์ร่วมจึงไม่มีอำนาจขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องให้นอกเหนือไปจากฟ้องของพนักงานอัยการการที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ร่วมแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องนี้และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบของกลาง จึงไม่ชอบ แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 264, 265, 268, 341 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 13,491,446.71 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
โจทก์ร่วมถือเอาฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องของโจทก์ร่วมแต่เพิ่มคำขอท้ายฟ้องว่า ขอให้ริบของกลางด้วย ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมและฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบมาตรา 264, 265 และมาตรา 341 ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 (ที่ถูก 268 วรรคแรก) ประกอบมาตรา 265 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 5 ปี ให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 13,491,446.71 บาทแก่ผู้เสียหาย ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานใช้เอกสารและเอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบมาตรา 83, 264 และ 265 ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 ประกอบมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 5 ปี ริบของกลางนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 2มีว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ใช้เอกสารและเอกสารสิทธิปลอมหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า คำเบิกความของพยานโจทก์ไม่ได้ชี้ให้เห็นว่า จำเลยที่ 2 ได้ใช้เอกสารและเอกสารสิทธิปลอมรวมกับจำเลยที่ 1 หรือใช้เอกสารและเอกสารสิทธิปลอมต่อนายสวิงผู้จัดการธนาคารโจทก์ร่วม แม้จะพิจารณาถึงการกระทำของจำเลยที่ 2ทั้งหมดเกี่ยวกับคดีนี้ ก็ไม่เป็นพฤติการณ์เพียงพอจะชี้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดใช้เอกสารและเอกสารสิทธิปลอมร่วมกับจำเลยที่ 1
สำหรับคำขอของโจทก์ร่วมที่ขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องที่ขอให้ริบของกลางนั้น โจทก์ร่วมเข้ามาดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองโดยอาศัยสิทธิตามฟ้องของพนักงานอัยการ เมื่อคำฟ้องของพนักงานอัยการไม่มีคำขอให้ริบของกลาง โจทก์ร่วมจึงไม่มีอำนาจขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องให้นอกเหนือไปจากฟ้องของพนักงานอัยการ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ร่วมแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องนี้ และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ริบของกลาง จึงไม่ชอบ แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยที่ 2มิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2และไม่ริบของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share