แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์นำเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่ปรับปรุงเพิ่มไปชำระแก่จำเลย เป็นเรื่องที่จำเลยใช้สิทธิตามปกติอันพึงกระทำได้ แม้ในตอนท้ายของหนังสือจะมีข้อความขอให้โจทก์นำเงินค่ากระแสไฟฟ้าไปชำระ มิฉะนั้นจำเลยจะดำเนินการตามระเบียบ ถ้าโจทก์เห็นว่าไม่ถูกต้องโจทก์จะไม่ปฏิบัติตามก็ได้ การที่จำเลยดำเนินคดีแก่โจทก์ก็ยังไม่เป็นการแน่นอนว่าโจทก์ต้องชำระเงินค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่จำเลยหรือไม่ ฉะนั้น ลำพังหนังสือของจำเลยที่แจ้งไปยังโจทก์จึงไม่เป็นการทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ส่วนที่โจทก์มีคำขอบังคับห้ามจำเลยงดจ่ายกระแสไฟฟ้าแก่โจทก์ ซึ่งหมายถึงการระงับหรืองดกระทำการดังกล่าวหลังจากวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นต้นไปนั้น เป็นเรื่องการกระทำในอนาคตซึ่งยังมิได้มีการโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ดำเนินกิจการโรงแรมชื่อ กรีนเวิลด์ ฮ้อทสปริงรีสอดร์ท แอนด์ กอล์ฟคลับ โดยขออนุญาตใช้ไฟฟ้าจากจำเลยสาขาทองผาภูมิ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2544 เจ้าหน้าที่ของจำเลยมาตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าหมายเลข 823-001100 ของโจทก์ แล้วแจ้งว่ามีการตัดสายไฟคอนโทรลที่เข้ามิเตอร์ไฟฟ้า ความจริงแล้วเจ้าหน้าที่ของโจทก์ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับมิเตอร์ไฟฟ้าดังกล่าวเจ้าหน้าที่ของจำเลยนำมิเตอร์ไฟฟ้าดังกล่าวไปตรวจสอบ วันที่ 8 สิงหาคม 2546 จำเลยมีหนังสือที่ มท.5343.3/ทภ.1232 เรื่องขอให้ชำระเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่ปรับปรุงเพิ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2544 ถึงเดือนสิงหาคม 2545 เป็นเงิน 1,822,146.81 บาท ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ มิฉะนั้นจะงดจ่ายกระแสไฟฟ้าการแจ้งดังกล่าวไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยระเบียบปฏิบัติของจำเลย ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ในฐานะผู้ใช้บริการ ขอให้พิพากษายกเลิกหนังสือที่ มท.5343.3/ทภ1232 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2546 และห้ามจำเลยงดจ่ายกระแสไฟฟ้าแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลประกอบกิจการโรงแรมได้ขออนุญาตใช้กระแสไฟฟ้าของจำเลย โดยมีหมายเลขผู้ใช้ไฟคือ 823-001100 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2544 เจ้าหน้าที่ของจำเลยได้มาตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าหมายเลขดังกล่าวผลปรากฏว่าสายคอนโทรลสีแดงชำรุดมีลักษณะถูกของมีคมจากภายนอกมาทำให้ขาด หลังตรวจสอบได้ตีตราตะกั่วหมายเลข 1083 ที่ฝาครอบที่ต่อสายจำนวน 2 ดวงตรา และฝาครอบตู้มิเตอร์จำนวน 2 ดวงตราตามบันทึกการตรวจสอบมิเตอร์เอกสารหมาย จ.3 ต่อมาวันที่ 9 พฤษภาคม 2546 จำเลยมีหนังสือขอเรียกเก็บค่าละเมิดสิทธิจากโจทก์เป็นเงิน 68,725 บาท โจทก์ปฏิเสธไม่ได้กระทำการละเมิดสิทธิมิเตอร์ไฟฟ้าดังกล่าว และได้วางเงินเพื่อเป็นประกันการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าตามเอกสารหมาย จ.4 วันที่ 8 สิงหาคม 2546 จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์แจ้งว่า จากการที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยได้เข้าตรวจสอบมิเตอร์ของโจทก์เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2545 พบว่ามีการหักลวดทองแดงในสายคอนโทรลเคเบิลเส้นสีขาว ขาว-ดำ สีส้มและสีเขียวให้ออกจากกันทำให้ไม่มีกระแสไฟฟ้าเข้า อันเป็นสาเหตุทำให้ค่ามิเตอร์ไฟฟ้าไม่แสดงหน่วยขึ้นขณะใช้โหลดไฟฟ้าจึงขอโจทก์ชำระเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่ปรับปรุงเพิ่มย้อนหลังตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2544 ถึงเดือนสิงหาคม 2545 เป็นเงิน 1,822,146.81 บาท ภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือ มิฉะนั้นจะดำเนินการตามระเบียบต่อไปตามเอกสารหมาย จ.5
คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่โดยโจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วนั้น ในเรื่องนี้ตามสำเนาหนังสือที่ มท.5343.3/ทภ.1232 เอกสารหมาย จ.5 ที่ฝ่ายจำเลยแจ้งไปยังโจทก์มีใจความสำคัญว่า เจ้าหน้าที่ของจำเลยได้เข้าตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าที่โจทก์ขออนุญาตใช้แล้ว พบว่าค่ามิเตอร์ไฟฟ้าไม่แสดงหน่วยขึ้นขณะใช้โหลดไฟฟ้า ทำให้มิเตอร์ไฟฟ้าไม่แสดงหน่วยการใช้ไฟฟ้าจึงเห็นควรปรับปรุงค่าไฟฟ้าเพิ่มย้อนหลังตามเปอร์เซ็นต์คลาดเคลื่อนเป็นเงินเรียกเก็บเพิ่มทั้งสิ้น 1,822,146.81 บาท ขอให้โจทก์นำเงินจำนวนดังกล่าวไปชำระภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับหนังสือนี้ หากพ้นกำหนดจำเลยจำเป็นต้องดำเนินการตามระเบียบ เห็นว่า การที่ฝ่ายจำเลยมีหนังสือแจ้งให้โจทก์นำเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่ปรับปรุงเพิ่มไปชำระแก่ฝ่ายจำเลยเป็นเรื่องที่จำเลยใช้สิทธิตามปกติอันพึงกระทำได้ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำการอย่างใดอันเป็นการกระทบต่อสิทธิของโจทก์ แม้ในตอนท้ายของหนังสือเอกสารหมาย จ.5 จะมีข้อความขอให้โจทก์นำเงินค่ากระแสไฟฟ้าไปชำระ มิฉะนั้นจำเลยจะดำเนินการตามระเบียบก็ตาม ถ้าโจทก์เห็นว่าไม่ถูกต้องโจทก์จะไม่ปฏิบัติตามก็ได้ แม้ต่อมาหากปรากฏว่าจำเลยดำเนินคดีแก่โจทก์ก็ยังไม่เป็นการแน่นอนว่าโจทก์ต้องชำระเงินค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่จำเลยหรือไม่เพราะศาลอาจมีคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาเป็นอย่างอื่นได้ ฉะนั้นลำพังหนังสือของจำเลยที่แจ้งไปยังโจทก์ดังกล่าวจึงไม่เป็นการกระทำของจำเลยที่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ศาลพิพากษายกเลิกหนังสือที่ มท.5343.3/ทภ.1232 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2546 ได้ ส่วนที่โจทก์มีคำขอบังคับห้ามจำเลยงดจ่ายกระแสไฟฟ้าแก่โจทก์ ซึ่งหมายถึงการระงับหรืองดกระทำการดังกล่าวหลังจากวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นต้นไปนั้น เป็นเรื่องการกระทำในอนาคตซึ่งยังมิได้มีการโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิของโจทก์ จึงเป็นคำขอบังคับที่ไม่อาจพิพากษาบังคับจำเลยได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องของโจทก์ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ