คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694-695/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393, 326 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองกล่าวคำดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมหรือไม่ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสอง พิพากษายกฟ้อง โจทก์ร่วมอุทธรณ์ว่าคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยถึงจำเลยที่ 2 ด้วยเป็นการไม่ชอบเป็นการอุทธรณ์โต้แย้งในข้อที่ว่าในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้นวินิจฉัยถึงจำเลยคนใดบ้าง อันเป็นการอุทธรณ์โต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง เป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 ที่แก้ไขใหม่ ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ไม่ได้

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันโดยทั้งสองสำนวนโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖, ๓๙๓, ๙๐ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ ๔๑ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๙ ข้อ ๗, ๙
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธทั้งสองสำนวน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้งสองสำนวน
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์ร่วม
โจทก์ร่วมฎีกาทั้งสองสำนวน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยคงมีว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ คดีทั้งสองสำนวนโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๙๓, ๓๒๖ ที่แก้ไขแล้ว ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับตามลำดับ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๒๒ ที่แก้ไขใหม่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองกล่าวคำดูหมิ่นและหมิ่นประมาทโจทก์ร่วมหรือไม่ ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยทั้งสอง พิพากษายกฟ้อง โจทก์ร่วมอุทธรณ์ว่าคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยถึงจำเลยที่ ๒ ด้วยเป็นการไม่ชอบเห็นว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยถึงจำเลยที่ ๒ ด้วยแล้วการที่โจทก์ร่วมอุทธรณ์ว่ามิได้วินิจฉัยถึง จึงเป็นการโต้แย้งในข้อที่ว่าในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นนั้นวินิจฉัยถึงจำเลยคนใดบ้าง อันเป็นการอุทธรณ์โต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริง ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามไม่รับวินิจฉัยให้นั้นจึงเป็นการชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share