แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์ให้ทำงานโดยมีสถานที่ทำงาน 2 แห่ง คือกรุงเทพมหานครและนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) จังหวัดระยอง จำเลยมิได้โต้แย้งคัดค้านเกี่ยวกับสถานที่ทำงาน 2 แห่ง และศาลแรงงานภาค 2 ก็ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานจำเลยและโจทก์จนเสร็จ ทนายจำเลยเพิ่งแถลงคัดค้านเรื่องเขตอำนาจศาล ดังนั้น จังหวัดระยองที่โจทก์ทำงานอยู่ด้วยจึงเป็นสถานที่มูลคดีเกิดเช่นกัน ศาลแรงงานภาค 2 มีอำนาจรับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 33
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าชดเชยเป็นเงิน 1,308,790 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 222,494 บาท และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมเป็นเงิน 8,800,000 บาท รวมเป็นเงิน 9,022,494 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2554 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 12,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้ง
ศาลแรงงานภาค 2 ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานจำเลยจนแล้วเสร็จ เมื่อสืบตัวโจทก์แล้วเสร็จ ทนายจำเลยแถลงว่าจากคำเบิกความของโจทก์ โจทก์น่าจะทำงานที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากบริษัทจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ทนายจำเลยจึงโต้แย้งว่า คดีนี้น่าจะอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานกลาง ศาลแรงงานภาค 2 จึงส่งสำนวนไปให้อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางวินิจฉัย
อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลาง เห็นว่า กรณีดังกล่าวมิใช่กรณีมีปัญหาว่าคดีจะอยู่ในอำนาจของศาลแรงงานหรือไม่ ตามมาตรา 9 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 แต่เป็นการโต้แย้งในเรื่องเขตอำนาจศาล จึงให้ส่งสำนวนคืนเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
ศาลแรงงานภาค 2 มีคำสั่งว่าจากคำเบิกความของโจทก์ โจทก์มีภูมิลำเนาการทำงานอยู่ที่กรุงเทพมหานคร การมาทำงานที่จังหวัดระยองเป็นการทำงานชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ใช่ภูมิลำเนาการทำงาน คดีอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลแรงงานกลาง เห็นสมควรจำหน่ายคดี เพื่อให้คู่ความนำคดีไปฟ้องที่ศาลแรงงานกลางต่อไป
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า การที่ศาลแรงงานภาค 2 มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า เรื่องเขตอำนาจศาลนั้น พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 33 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้คำฟ้องคดีแรงงานให้เสนอต่อศาลแรงงานที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลแรงงานนั้น และวรรคสองบัญญัติให้ถือว่าสถานที่ที่ลูกจ้างทำงานเป็นที่ที่มูลคดีเกิดขึ้น เมื่อโจทก์ฟ้องบรรยายว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้เข้าทำงานโดยมีสถานที่ทำงาน 2 แห่ง คือที่กรุงเทพมหานครและนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (ระยอง) จังหวัดระยอง จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์ปลุกปั่นลูกจ้างให้ต่อต้านจำเลย ซึ่งจำเลยมิได้ให้การโต้แย้งคัดค้านเกี่ยวกับสถานที่ทำงาน 2 แห่ง ตามคำฟ้องโจทก์ นอกจากนี้ศาลแรงงานภาค 2 ก็ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานจำเลยจนแล้วเสร็จและได้สืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นตัวโจทก์ แล้วทนายจำเลยจึงเพิ่งแถลงคัดค้านเรื่องเขตอำนาจศาล ดังนั้นจังหวัดระยองที่โจทก์ทำงานอยู่ด้วยจึงเป็นสถานที่มูลคดีเกิดเช่นกัน ศาลแรงงานภาค 2 จึงมีอำนาจรับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาได้ ที่ศาลแรงงานภาค 2 มีคำสั่งให้จำหน่ายคดี ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำสั่งศาลแรงงานภาค 2 ให้ศาลแรงงานภาค 2 ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ต่อไปตามรูปคดี