แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ความผิดฐานปล้นทรัพย์ที่จำเลยที่ 3 ร่วมกระทำผิดคดีนี้เกี่ยวโยงกับความปลอดภัยของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยและชื่อเสียงของประเทศไทยซึ่งเป็นเหตุให้ภาพพจน์ของประเทศชาติเสียหายโดยตรงถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง แม้จำเลยที่ 3 ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อนและต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาและน้องก็ตาม ก็ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะลดโทษให้เบาลง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันมีคลอราซีเพท อันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4 จำนวนและน้ำหนักไม่ปรากฏชัดไว้ในครอบครอง และร่วมกันปล้นทรัพย์โดยลักเอาธนบัตรรัฐบาลอังกฤษฉบับละ 20 ปอนด์สเตอร์ลิง จำนวน 15 ฉบับ คิดเป็นเงิน12,000 บาท ธนบัตรรัฐบาลอินเดียฉบับละ 100 รูปีอินเดียจำนวน 30 ฉบับ เป็นเงิน 2,200 บาท ธนบัตรรัฐบาลไทยฉบับละ1,000 บาท และฉบับละ 500 บาท เป็นเงิน 15,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 29,200 บาท ของนายอูแกน อาลี ผู้เสียหายที่ 1นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโอเมก้า 1 เรือน ราคา 24,000 บาท ของนายเจมส์ เลน หรือจิมมี่ ผู้เสียหายที่ 2 ไปโดยทุจริตโดยใช้คลอราซีเพท อันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4 ที่จำเลยทั้งสามมีไว้ในครอบครองผสมลงในเบียร์ให้ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 ดื่มจนหมดสติ อันเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย ทั้งนี้เพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์และการพาทรัพย์นั้นไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 91, 83, 33 พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62, 106ริบขวดเบียร์ยี่ห้อเบ็ค 3 ขวด ของกลาง และนับโทษจำเลยที่ 2ให้คดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขดำที่8512/2538 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 2 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 2 ในคดีที่โจทก์ขอนับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 62 วรรคหนึ่ง, 106 วรรคสอง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ ให้จำคุกคนละ 12 ปี ฐานร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 4ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้จำคุกคนละ 6 เดือนรวมจำคุกคนละ 12 ปี 6 เดือน จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 ปี 3 เดือนริบขวดเบียร์ของกลาง ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขดำที่ 8512/2538 ของศาลชั้นต้นนั้นปรากฏว่าศาลยังไม่มีคำพิพากษาในคดีดังกล่าว จึงนับโทษต่อให้ไม่ได้ยกคำขอในส่วนนี้
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ หรือลงโทษในสถานเบา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ความผิดฐานปล้นทรัพย์ที่จำเลยที่ 3ร่วมกระทำผิดคดีนี้เกี่ยวโยงกับความปลอดภัยของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยและชื่อเสียงของประเทศไทยซึ่งเป็นเหตุให้ภาพพจน์ของประเทศชาติเสียหายโดยตรงถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ทั้งข้ออ้างของจำเลยที่ 3 ที่ขอให้ลงโทษสถานเบาเพราะไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาและน้องยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะกำหนดโทษที่ลงให้เบาลงอีก ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยที่ 3 มานั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้วไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาจำเลยที่ 3 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน