คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายในฟ้องว่า’จำเลยขับรถยนต์แซงรถสามล้อเครื่องแล้วเร่งเครื่องยนต์ขับเพื่อขึ้นหน้าฯ’ แต่ครั้นพิจารณาสืบพยานโจทก์โจทก์นำพยานเข้าสืบว่าเห็นแต่สามล้อธรรมดาวิ่งอยู่เยื้องหน้ารถจำเลย’เพียงเท่านี้ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับคำกล่าวหาในฟ้องของโจทก์รูปคดีจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงอย่างเดียวเท่านั้นจึงเป็นคดีที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยขับรถยนต์แซงรถสามล้อเครื่องแล้วเร่งเครื่องยนต์ขับเพื่อขึ้นหน้าโดยไม่คำนึงถึงระยะข้างหน้ารถจำเลยว่ามีทางที่พอจะขับขึ้นหน้าสามล้อเครื่องได้หรือไม่ เป็นเหตุให้รถยนต์ที่จำเลยขับชน ด.ช.เรวัตร โปร่งงาม ล้มพาดถนนถึงแก่ความตายเหตุเกิดที่ ต.หิรัญรูจี อ.ธนบุรี จ.ธนบุรี ขอให้ลงโทษ

นางประยงค์ โปร่งงาม มารดาผู้เสียหายยื่นคำร้องว่าจำเลยบรรเทาความเสียหายโดยชดใช้เงินและช่วยจัดการปลงศพผู้ตายจึงไม่ติดใจเอาความจึงขอให้ลงโทษจำเลยสถานเบา

จำเลยให้การว่าได้ขับรถยนต์ชนผู้ตายตายจริงเพราะผู้ตายวิ่งตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด จำเลยมิได้ขับรถ โดยประมาทตามที่โจทก์ฟ้อง

ศาลอาญาพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความตามกฎหมายอาญามาตรา 252 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 10 พ.ศ. 2496 มาตรา 3 ให้จำคุกสถานเบามีกำหนด 2 ปี

จำเลยอุทธรณ์ว่าไม่มีผิดหรือถ้ามีผิดก็ขอรอการลงอาญา

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกอุทธรณ์จำเลย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาได้ฟังคำแถลงของทนายจำเลยตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีนี้แล้วเห็นว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยขับรถยนต์ชน ด.ช.เรวัตรตายโดยความประมาทวางโทษจำคุกจำเลย 2 ปี คดีที่พิจารณามาไม่มีปัญหาข้อ กฎหมายประการใด จำเลยมิได้ยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นต่อสู้คดีเว้นแต่เมื่อเสร็จการพิจารณาแล้วจำเลยแถลงปิดสำนวนได้กล่าวว่าข้อเท็จจริงโจทก์นำสืบไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายในฟ้องโดยโจทก์ว่าจำเลยขับแซงสามล้อเครื่องเพื่อขึ้นหน้า แต่พยานโจทก์ว่าเห็นแต่สามล้อธรรมดาวิ่งอยู่เบื้องหน้ารถจำเลย ศาลฎีกาได้พิจารณาถึงความข้อนี้แล้วเห็นว่าจะฟังว่าข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับคำกล่าวหาในฟ้องของโจทก์หาได้ไม่

คดีจึงเป็นเพียงปัญหาข้อเท็จจริงอย่างเดียวเท่านั้น เป็นคดีที่ต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึง ให้ยกฎีกาจำเลยเสีย

Share