คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลล่างพิพากษาต้องกันให้ขับไล่จำเลยรือถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดี ต่อมาภายหลังศาลฎีกาพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ที่ดินที่พิพาทยังว่าเปล่าอยู่เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าสภาพแห่งหนี้ยังเปิดช่องให้ศาลบังคับคดีให้โจทก์ยอมให้จำเลยเข้ามาปลูกสร้างในที่เช่าที่พิพาทได้ ไม่ต้องฟ้องเป็นคดีใหม่.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2499)

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย ศาลล่างพิพากษาต้องกันให้จำเลยรื้อถอนห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างออกไป จำเลยฎีกาและขอทุเลาการบังคับคดี ศาลฎีกาไม่อนุญาตจำเลยได้รื้อถอนห้องแถวและสิ่งปลูกสร้างไปแล้ว ต่อมาศาลฎีกาพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องขอเข้าทำการปลูกสร้างห้องแถวใหม่
โจทก์คัดค้านว่าจำเลยไม่มีสิทธิจะขอให้ศาลบังคับตามคำร้อง
ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความได้ความว่าจำเลยเข้าไปปลูกสร้างตั้งเสาไว้ ๓ – ๔ ต้น รุ่งขึ้นโจทก์ก็เข้าตั้งเสาขึ้น ๙ ต้น และขัดขวางไม่ยอมให้จำเลยทำต่อไป ศาลชั้นต้นเห็นว่าสิทธิการเช่าจำเลยยังมีอยู่ สั่งและบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกา
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าโจทก์มีสิทธิปลูกสร้างได้ต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าที่พิพาทยังว่างเปล่าอยู่มีแต่โจทก์จำเลยแย่งกันปักเสา เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์แล้วเช่นนี้ สิทธิที่จะปลูกโรงเรือนตามสัญญาของจำเลยจึงยังมีอยู่ตามเดิม ยังไม่มีใครมาปลูกสร้างสิ่งใดลงไป สภาพยังเปิดช่องให้ศาลบังคับคดีได้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๒๓๒ พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น.

Share