คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2153/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองเป็นพี่สาวร่วมบิดามารดากันกับโจทก์ร่วม บ้านอยู่ใกล้เคียงกัน ได้เข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมเพื่อพูดกันในเรื่องเงินช่วยงานศพมารดา แม้จำเลยที่ 1จะเข้าไปถึงห้องนอน ส่วนจำเลยที่ 2 อยู่ในบันได แต่เมื่อโจทก์ร่วมบอกให้ออกไปจากบ้าน จำเลยทั้งสองก็ปฏิบัติตามด้วยดี พฤติการณ์เพียงเท่านี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข จึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายในเวลากลางคืนขอให้ลงโทษ
จำเลยมิได้ยื่นคำให้การ แต่อ้างตนเองเป็นพยานว่าไม่ได้กระทำผิด
นางปัทมาวดี บาร์ซิโซ ผู้เสียหายร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองเข้าไปในห้องของผู้เสียหายโดยมีเหตุสมควรจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงที่เป็นยุติตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์นั้น การที่จำเลยทั้งสองเข้าไปในบ้านของโจทก์ร่วมก็เพราะที่จะต้องพูดกันเรื่องเงินช่วยงานศพของมารดาโจทก์ร่วมและจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นเรื่องที่มีเหตุอันควร แม้ว่าจำเลยที่ ๑ จะเข้าไปถึงในห้องนอนของโจทก์ร่วม ก็น่าจะเป็นเพราะจำเลยที่ ๑ ถือวิสาสะในฐานะที่เป็นพี่สาวร่วมบิดามารดาของโจทก์ร่วม ทั้งบ้านของบุคคลทั้งสองก็อยู่ใกล้เคียงกัน พฤติการณ์เพียงเท่านี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุข ยิ่งกว่านั้นเมื่อโจทก์ร่วมไม่พอใจและบอกให้จำเลยทั้งสองออกไปจากบ้านของตน จำเลยทั้งสองก็ยินยอมปฏิบัติตามด้วยดี ตามข้อเท็จจริงที่เป็นยุติแล้วดังกล่าวแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยทั้งสองชัดแจ้งว่าไม่ได้ประสงค์ที่จะบุกรุกของโจทก์ร่วมแต่ประการใด
พิพากษายืน
(ธานินทร์ กรัยวิเชียร สอน ไชยสุต ศิริ อติโพธิ)

Share