คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6890/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้คำฟ้องโจทก์เกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะต้องยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรีที่อสังหาริมทรัพย์ตั้งอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(1) ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายดังกล่าวใช้บังคับในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องก็ตาม แต่เมื่อศาลแพ่งได้สั่งรับฟ้องคดีนี้ไว้แล้ว ย่อมถือว่าศาลแพ่งได้ใช้ดุลพินิจยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(4) ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายดังกล่าวใช้บังคับในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้ว โดยโจทก์ไม่จำต้องยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องต่อศาลแพ่งแต่อย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่เป็นผู้ร่วมกันดำเนินกิจการจัดสรรที่ดินก่อสร้างตึกแถว อาคารพาณิชย์และบ้านทาวน์เฮาส์ ขายแก่ประชาชนโจทก์ได้ทำสัญญามัดจำซื้อขายที่ดินและจ้างสร้างตึกแถวกับจำเลยทั้งสี่ แต่จำเลยทั้งสี่มิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและตึกแถวให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 122467 พร้อมตึกแถว 4 ชั้นโดยปลอดจากภาระติดพันใด ๆ แก่โจทก์หากไม่สามารถปฏิบัติการดังกล่าวได้ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้เงินค่าเสียหายจำนวน 1,500,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า ฟ้องเคลือบคลุม จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 แต่เป็นเพียงตัวแทนโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าก่อสร้างอาคาร ที่ดินพร้อมตึกแถวราคาไม่เกิน 740,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 3 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยอื่นดำเนินกิจการตามฟ้อง ไม่ได้รับผลประโยชน์หรือกำไรใด ๆ ทั้งมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน โจทก์มาขอซื้อที่ดินและตึกแถวกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยโจทก์ได้ขอให้จำเลยที่ 3 ซึ่งมีความคุ้นเคยกับโจทก์ช่วยติดต่อให้เพื่อจะซื้อได้ในราคาพิเศษ ที่ดินและตึกแถวดังกล่าวมีราคาเพียง 500,000 บาท ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะเป็นการฟ้องในมูลหนี้ซื้อขายซึ่งมีอายุความ 2 ปี ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 4 ให้การว่า คำฟ้องคดีนี้เกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ซึ่งตั้งอยู่ในเขตศาลจังหวัดนนทบุรี ศาลแพ่งจึงไม่มีอำนาจรับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณา จำเลยที่ 4 ได้ขายที่ดินดังกล่าวทั้งแปลงแก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 และยอมให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ปรับปรุงที่ดินและแบ่งแยกเป็นแปลงย่อย ๆ ในนามของจำเลยที่ 4 ในระหว่างผ่อนชำระค่าที่ดินแก่จำเลยที่ 4 ได้ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยังชำระราคาที่ดินแก่จำเลยที่ 4 ไม่ครบถ้วน รวมทั้งแปลงพิพาทที่โจทก์ซื้อด้วยจำเลยที่ 4 ไม่เคยร่วมหรือมีส่วนได้เสียใด ๆ กับจำเลยที่ 1 ที่ 2และที่ 3 ในการดำเนินการจัดสรรที่ดินและก่อสร้างอาคาร ไม่เคยทำหรือมอบหมายหรือเชิดจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นตัวแทนทำสัญญากับโจทก์หรือบุคคลอื่นใด ที่ดินและตึกแถวดังกล่าวมีราคาเพียง452,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 122467 พร้อมตึกแถวสี่ชั้นโดยปลอดจากภาระติดพันใด ๆ แก่โจทก์ หากไม่สามารถปฏิบัติการชำระหนี้ดังกล่าวได้ก็ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์จำนวน 1,500,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้คำฟ้องโจทก์เกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะต้องยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(1) ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายดังกล่าวใช้บังคับในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องก็ตาม แต่เมื่อศาลแพ่งได้สั่งรับฟ้องคดีนี้ไว้แล้วย่อมถือว่าศาลแพ่งได้ใช้ดุลพินิจยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(4)ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายดังกล่าวใช้บังคับในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้องแล้วศาลแพ่งชอบที่จะดำเนินการพิจารณาพิพากษาต่อไปได้โดยโจทก์ไม่จำต้องยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้องต่อศาลแพ่งแต่อย่างใด
พิพากษายืน

Share