คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่โจทก์ฟ้องบังคับจำนองแก่ที่ดินที่จำเลยที่ 2นำมาจำนองประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 นั้น จะต้องพิจารณาว่าโจทก์มีสิทธิบังคับจำนองได้หรือไม่ จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์หรือไม่ และจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 หรือไม่ อันเป็นการพิจารณา ถึงสิทธิที่โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำนอง คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นคำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 จะมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดเชียงใหม่ก็ตาม แต่เมื่อที่ดินที่จำนองอยู่ที่กรุงเทพมหานคร โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลแพ่งซึ่งเป็นศาลที่ทรัพย์ตั้งอยู่ในเขตได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 4(1).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารโจทก์ สาขาเชียงใหม่ ในวงเงิน 6,000,000 บาท โดยจำเลยที่ 2 ได้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 1601 ตำบลจักรวรรดิ์ อำเภอสัมพันธวงศ์ (สามเพ็ง) กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างกับโจทก์เป็นเงิน 6,000,000 บาท กับได้ทำสัญญาค้ำประกันไว้กับโจทก์โดยยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 อย่างลูกหนี้ร่วม หลังจากจำเลยที่ 1ได้เดินสะพัดทางบัญชีกับโจทก์ จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยรวม 9,952,304.86 บาท โจทก์ทวงถามไปยังจำเลยที่ 1และบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังจำเลยที่ 2 แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 9,952,304.86 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จำเลยออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่โจทก์ หากขายทอดตลาดได้เงินไม่พอ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รับคำฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 1 คดีไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้น จึงไม่รับฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไป
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำนองแก่ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยที่ 2 นำมาจำนองเพื่อประกันหนี้ที่จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ตามสัญญาค้ำประกัน การที่จะพิจารณาว่าโจทก์มีสิทธิบังคับจำนองได้หรือไม่ ก็จะต้องพิจารณาด้วยว่าจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์อยู่ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีหรืออีกนัยหนึ่งคือสัญญาบัญชีเดินสะพัดหรือไม่ กับจำเลยที่ 2 จะต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ตามสัญญาค้ำประกันหรือไม่ อันเป็นการพิจารณาถึงสิทธิที่โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำนอง คำฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวแก่จำเลยทั้งสอง จึงเป็นคำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ เมื่อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จำนองอยู่ที่ตำบลจักรวรรดิ์ อำเภอสัมพันธวงศ์ (สามเพ็ง)กรุงเทพมหานคร โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นศาลที่ทรัพย์ตั้งอยู่ในเขตศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(1) ได้…”
พิพากษายืน

Share