แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำนองที่ดินเป็นประกันหนี้ใด ๆ ที่โจทก์หรือ จ.บิดาโจทก์ มีต่อจำเลยในขณะนั้นหรือในภายหน้า โจทก์จะขอไถ่ถอนจำนองโดยชำระหนี้ครบถ้วนเฉพาะหนี้ส่วนของตนซึ่งไม่ครบวงเงินตามสัญญาจำนอง ในขณะที่ จ. ยังคงเป็นหนี้จำเลยอยู่อีกจำนวนหนึ่งไม่ได้ จำเลยจึงชอบที่จะบอกปัดไม่รับชำระหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 320
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้กู้ยืมเงินจำเลยจำนวนหนึ่ง และในวันเดียวกันนั้นโจทก์ได้จดทะเบียนจำนองที่ดินไว้แก่จำเลยเพื่อเป็นประกันหนี้ดังกล่าวต่อมาเมื่อครบกำหนดชำระหนี้ตามสัญญากู้โจทก์ประสงค์จะชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างชำระทั้งหมดแก่จำเลย และขอไถ่ถอนจำนองที่ดินหลายครั้งแต่จำเลยไม่ยินยอมในวันที่ 2 สิงหาคม 2532 โจทก์ได้นำแคชเชียร์เช็คจำนวนเงิน2,016,082.30 บาท ไปชำระให้แก่จำเลยพร้อมกับขอให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 160169 ถึงเลขที่ 160189แต่จำเลยบอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้และไม่ยอมจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยรับเงินจำนวน 2,016,082.30 บาทจากโจทก์ ถ้าจำเลยไม่ยอมรับขอให้ศาลสั่งให้โจทก์วางเงินจำนวนดังกล่าวไว้ต่อศาล และให้จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่ไถ่ถอนให้ถือคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า การจำนองที่ดินพิพาทตามฟ้องเป็นการจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้เงินต้นรวมทั้งดอกเบี้ยที่โจทก์และนายเจือเป็นหนี้จำเลย โจทก์ยังค้างชำระเงินต้นจำนวน 1,129,830.71 บาทกับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 21 ต่อปี นายเจือยังเป็นลูกหนี้โจทก์เป็นเงินต้นจำนวน 1,732,208 บาท กับดอกเบี้ยอีกเป็นจำนวนมากโจทก์จึงไม่มีสิทธิขอไถ่ถอนจำนองที่ดินตามฟ้อง โจทก์ยังค้างชำระดอกเบี้ยเกินกว่า 1 ปี จำเลยมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้เป็นดอกเบี้ยทั้งสิ้น 1,383,214.66 บาท โจทก์ไม่เคยมาขอชำระหนี้และขอไถ่ถอนจำนอง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยรับเงินจำนวน 2,016,082.30 บาทจากโจทก์และจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดิน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงซึ่งคู่ความไม่โต้เถียงกันรับฟังได้ว่า โจทก์ได้กู้ยืมเงินจากจำเลยจำนวน 2,200,000 บาทโดยยอมเสียดอกเบี้ยแก่จำเลยอัตราร้อยละ 21 ต่อปี และโจทก์ได้จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 160151 ถึงเลขที่ 160189 รวม 39 แปลงไว้แก่จำเลยเพื่อเป็นประกันหนี้ใด ๆ ซึ่งโจทก์หรือนายเจือเป็นหนี้จำเลยอยู่แล้วในขณะทำสัญญาจำนอง หรือในเวลาใดเวลาหนึ่งในภายหน้าในวงเงิน 2,200,000 บาท ต่อมาโจทก์ได้ชำระเงินต้นจำนวน 1,070,169.29 บาท กับดอกเบี้ยแก่จำเลย จำเลยได้จดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 160151 ถึงเลขที่ 160168รวม 18 แปลงให้โจทก์ โจทก์ยังคงค้างชำระเงินต้นจำนวน1,129,830.71 บาท กับดอกเบี้ยจำนวน 886,251.59 บาท รวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเงิน 2,016,082.30 บาท ส่วนนายเจือเป็นหนี้จำเลยตามตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นเงิน 1,732,208 บาทกับค้างชำระดอกเบี้ยอีกจำนวนหนึ่ง โจทก์ขอชำระหนี้จำเลยเฉพาะหนี้ส่วนของโจทก์จำนวน 2,016,082.30 บาท และขอไถ่ถอนจำนองที่ดินส่วนที่ยังเหลือติดจำนองอยู่ จำเลยบอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้ดังกล่าว คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์มีสิทธิให้จำเลยรับชำระหนี้จำนวน 2,016,082.30 บาท และจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 160169 ถึงเลขที่ 160189 หรือไม่ พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังต้องกันมาว่าการจำนองเพื่อประกันการชำระหนี้ในวงเงิน 2,200,000 บาทเป็นการประกันหนี้โจทก์รวมทั้งหนี้ของนายเจือที่มีต่อจำเลยด้วยเมื่อได้ความว่านายเจือยังเป็นหนี้เงินต้นจำเลยอยู่จำนวน1,732,208 บาท และดอกเบี้ยที่ค้างชำระอีกจำนวนหนึ่ง การที่โจทก์เสนอขอชำระหนี้เฉพาะส่วนของโจทก์ ซึ่งไม่ครบตามวงเงินจำนองจำนวน 2,200,000 บาท จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหนี้ชอบที่จะบอกปัดไม่ชำระหนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 320ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์