แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ธนาคารผู้ร้องไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 4 การที่โจทก์ขอให้ธนาคารผู้ร้องออกเลตเตอร์ออฟเครดิตชนิดเพิกถอนไม่ได้เพื่อการชำระเงินค่าสินค้าให้แก่จำเลยที่ 4 ก็เพื่อให้ธนาคารผู้ร้องที่เป็นธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้มีความน่าเชื่อถือในฐานะการเงินเข้ารับภาระในการจ่ายเงินอันมีผลให้ผู้ขายมั่นใจว่าจะได้รับเงินค่าสินค้าอย่างแน่นอนเมื่อได้ปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิต โดยนำเอกสารต่าง ๆซึ่งถูกต้องครบถ้วนตามที่ระบุไว้ในเลตเตอร์ออฟเครดิตมาเสนอต่อธนาคารเพื่อการรับเงิน ธนาคารผู้ร้องจึงมีหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขก่อนจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตเท่านั้น นอกจากนั้นเลตเตอร์ออฟเครดิตฉบับนี้มีเงื่อนไขให้จำเลยที่ 4 สามารถนำเอกสารและตั๋วแลกเงินไปเสนอขอรับเงินจากธนาคารใดธนาคารหนึ่งก่อนได้ ซึ่งมีผลให้ธนาคารที่รับซื้อเอกสารและตั๋วแลกเงินไว้นั้น (NegotiatingBank)เป็นผู้มีสิทธิรับเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตจากธนาคารผู้ร้องที่กรุงนิวยอร์กได้หากธนาคารผู้ร้องไม่ชำระเงินโดยปราศจากเหตุผลที่เป็นที่ยอมรับได้ในวงการค้าระหว่างประเทศย่อมก่อให้เกิดผลเสียต่อความน่าเชื่อถือในวงการค้าระหว่างประเทศและการประกอบกิจการในการออกเลตเตอร์ออฟเครดิตของธนาคารผู้ร้องและลูกค้าที่ขอให้ธนาคารผู้ร้องออกเลตเตอร์ออฟเครดิตทั้งยังก่อให้เกิดผลเสียต่อเนื่องถึงธนาคารหรือบุคคลอื่นที่มีความผูกพันเกี่ยวข้องกันในอีกหลายกรณีด้วย การที่ศาลจะออกคำสั่งอายัดห้ามธนาคารผู้ร้องชำระเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตจึงต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นบริษัทจำกัดตามกฎหมายประเทศสหรัฐอเมริกา จำเลยที่ 4 เป็นบริษัทจำกัดตามกฎหมายประเทศสาธารณรัฐเกาหลี เมื่อเดือนมีนาคม 2540 จำเลยที่ 3 ในฐานะส่วนตัวและในฐานะตัวแทนจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ได้หลอกลวงว่าจ้างโจทก์ตัดเย็บเสื้อผ้าโดยต้องสั่งวัตถุดิบจากจำเลยที่ 4 โจทก์จึงขอให้ธนาคารกรุงไทยจำกัด เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตเพื่อชำระค่าวัตถุดิบแก่จำเลยที่ 4 ซึ่งมีราคาสูงเกินจริง และในที่สุดจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ไม่ยอมรับเสื้อผ้าที่โจทก์ตัดเย็บแล้วเสร็จ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 4,357,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จ และโจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวกรณีฉุกเฉิน อ้างว่าตามเลตเตอร์ออฟเครดิตที่โจทก์ขอให้ธนาคารกรุงไทยจำกัด เปิดเพื่อชำระค่าวัตถุดิบให้จำเลยที่ 4 มีกำหนดชำระเงินใน 120 วันซึ่งจะครบกำหนดชำระวันที่ 25 ตุลาคม 2540 หากจำเลยที่ 4 ได้รับเงินจากธนาคารดังกล่าวก็จะพ้นจากอำนาจศาลไทย เพราะจำเลยที่ 4 มีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี ขอให้ศาลสั่งอายัดเงินที่ต้องชำระแก่จำเลยที่ 4ตามเลตเตอร์ออฟเครดิตไปยังธนาคารกรุงไทย จำกัด ไว้ชั่วคราว
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว เห็นว่า กรณีมีเหตุฉุกเฉินและฟ้องโจทก์มีมูลหากธนาคารกรุงไทย จำกัด ชำระเงินให้แก่จำเลยที่ 4 ไปในกำหนดเวลาตามเลตเตอร์ออฟเครดิตแล้ว เงินจำนวนดังกล่าวจะพ้นไปจากอำนาจของศาลไทยซึ่งจะทำให้โจทก์เสียเปรียบ กรณีมีเหตุเพียงพอและเห็นเป็นการยุติธรรมและสมควรที่จะนำวิธีการคุ้มครองชั่วคราวตามที่โจทก์ขอมาใช้ จึงมีคำสั่งให้อายัดการจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิต เลขที่ JL 705141 ฉบับลงวันที่ 16มิถุนายน 2540 จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไปยังธนาคารกรุงไทย จำกัด โดยให้โจทก์วางเงินประกัน 30,000 บาท ก่อนออกหมายดังกล่าว
ธนาคารกรุงไทย จำกัด ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งอายัดชั่วคราวดังกล่าว โดยอ้างว่าโจทก์ขอให้ผู้ร้องออกเลตเตอร์ออฟเครดิตเพื่อชำระค่าสินค้าที่โจทก์สั่งซื้อให้แก่จำเลยที่ 4 ผู้ร้องจึงออกเลตเตอร์ออฟเครดิตให้ตามคำขอของโจทก์ ผู้ร้องจึงมีความผูกพันต้องชำระเงินให้แก่จำเลยที่ 4ตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิต โดยผู้ร้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 4 แต่อย่างใด และการที่ผู้ร้องออกเลตเตอร์ออฟเครดิตดังกล่าวตามความประสงค์ของโจทก์เพื่อให้ผู้ขายสินค้ามั่นใจได้ว่าเมื่อได้ส่งสินค้าและนำเอกสารมาแสดงแล้วก็จะได้รับเงินค่าสินค้าตามที่ผู้ร้องออกเลตเตอร์ออฟเครดิตให้ไว้อย่างแน่นอน เพราะผู้ร้องต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งเลตเตอร์ออฟเครดิตนั้น ซึ่งไม่มีกฎหมายให้สิทธิแก่โจทก์ ที่จะขอให้ผู้ร้องระงับการจ่ายเงินได้ ทั้งหากผู้ร้องไม่จ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตก็จะทำให้ผู้ร้องเสียหายขาดความน่าเชื่อถือในการออกเลตเตอร์ออฟเครดิตในวงการค้าระหว่างประเทศ ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้องในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2541 เวลา 8.30 นาฬิกา โจทก์ยื่นคำคัดค้าน ในวันนัดไต่สวนผู้ร้องนำพยานเข้าไต่สวน 1 ปาก จบคำซักถามของทนายความของผู้ร้องแล้วศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนไปตามที่คู่ความขอ แต่เมื่อถึงวันนัดปรากฏว่าไม่มีคู่ความมาศาล ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้งดการไต่สวน
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องของผู้ร้องแล้วมีคำสั่งว่า กรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้อายัดการจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิต เลขที่ JL 705141 ฉบับลงวันที่16มิถุนายน 2540 แต่อย่างใด จึงให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า มีเหตุสมควรที่จะเพิกถอนคำสั่งอายัดชั่วคราวของศาลชั้นต้นหรือไม่ ผู้ร้องฎีกาว่าในการที่โจทก์ขอให้ผู้ร้องออกเลตเตอร์ออฟเครดิตนั้น ผู้ร้องและโจทก์ต้องตกอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายและประเพณีปฏิบัติเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ โดยเมื่อผู้ขายสินค้าในต่างประเทศได้ส่งสินค้าให้แก่โจทก์ และยื่นเอกสารต่อผู้ร้องครบถ้วนตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในเลตเตอร์ออฟเครดิตแล้ว ผู้ร้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต้องจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตให้แก่ผู้ขาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะร้องขอต่อศาลให้ผู้ร้องระงับการจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตให้แก่จำเลยที่ 4 ได้ เห็นว่า แม้ในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอายัดชั่วคราวตามคำร้องของผู้ร้อง ผู้ร้องนำพยานบุคคลมาเบิกความได้ปากเดียวและยังเบิกความไม่จบแล้วมีการเลื่อนคดีออกไป หลังจากนั้นผู้ร้องไม่มาศาลในนัดต่อไปจนศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานผู้ร้องก็ตามแต่เมื่อพิจารณาจากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบแสดงต่อศาลในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้อายัดเงินที่ผู้ร้องต้องจ่ายตามเลตเตอร์ออฟเครดิตแก่จำเลยที่ 4 ตามคำร้องของโจทก์แล้ว ปรากฏว่าตามเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ผู้ร้องออกให้ตามคำขอของโจทก์เอกสารหมาย จ.3 ระบุว่าเลตเตอร์ออฟเครดิตฉบับนี้เป็นเลตเตอร์ออฟเครดิตที่เพิกถอนไม่ได้ และผู้ร้องออกเลตเตอร์ออฟเครดิตโดยมีเงื่อนไขให้ผู้ขายคือจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามเลตเตอร์ออฟเครดิตต้องนำเอกสารเกี่ยวกับการส่งสินค้าให้แก่โจทก์มาแสดงในการขอรับเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตภายใน 7 วัน โดยมีกำหนดเวลาจ่ายเงินในเวลา 120 วัน นับแต่ธนาคารได้เห็นเอกสารที่มีการนำมาแสดงเพื่อขอรับเงินแต่ผู้รับประโยชน์สามารถนำเอกสารและตั๋วแลกเงินไปเสนอขอรับเงินก่อนจากธนาคารใด ๆ ก็ได้ (Available with/by any bank by negotiation)โดยผู้ร้องระบุในเลตเตอร์ออฟเครดิตว่า ธนาคารที่รับซื้อเอกสารดังกล่าวไว้และจ่ายเงินไป (Negotiating Bank) สามารถจะเรียกร้องเงินนั้นจากธนาคารผู้ร้องที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา (Reimbursment Bank) ได้พยานหลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นได้ว่า กรณีที่มีการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตนี้มีนิติสัมพันธ์ที่ก่อให้เกิดความผูกพันระหว่างบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องหลายประการ กล่าวคือ ประการที่ 1 โจทก์กับจำเลยที่ 4 มีนิติสัมพันธ์กันตามสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศที่ตกลงกันให้มีการชำระราคาสินค้าโดยผ่านธนาคารด้วยวิธีการที่โจทก์ในฐานะผู้ซื้อต้องขอให้ธนาคารออกเลตเตอร์ออฟเครดิตให้แก่ผู้ขายคือจำเลยที่ 4 ในประเทศสาธารณรัฐเกาหลีเป็นผู้รับประโยชน์เพื่อรับเงินค่าสินค้าจากธนาคารนั้นได้ตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิต ประการที่ 2 โจทก์กับธนาคารผู้ร้องมีนิติสัมพันธ์กันตามสัญญาที่โจทก์ขอให้ผู้ร้องเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตเพื่อการชำระค่าสินค้าที่โจทก์ซื้อให้แก่จำเลยที่ 4 ที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีโดยผู้ร้องต้องตรวจเอกสารต่าง ๆ ตามที่ระบุในเลตเตอร์ออฟเครดิตให้ถูกต้องตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิตแล้วจึงจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์หรือบุคคลอื่นที่มีสิทธิรับเงินได้ และโจทก์ก็ต้องชำระเงินจำนวนที่ผู้ร้องจ่ายไปนั้นให้แก่ผู้ร้อง ประการที่ 3 คือนิติสัมพันธ์ที่ผู้ร้องในฐานะธนาคารผู้ออกเลตเตอร์ออฟเครดิตให้จำเลยที่ 4 ผู้ขายสินค้าให้โจทก์เป็นผู้รับประโยชน์ซึ่งผู้ร้องย่อมมีความผูกพันกับจำเลยที่ 4 ในอันที่จะต้องชำระเงินตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิตให้แก่จำเลยที่ 4 และประการที่ 4 ในกรณีที่จำเลยที่ 4 ตกลงเสนอเอกสารและตั๋วแลกเงินมอบให้แก่ธนาคารใดธนาคารหนึ่ง (Negotiating Bank) เพื่อรับเงินจากธนาคารนั้นไปก่อน ผลก็คือความผูกพันตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิตที่ผู้ร้องตกลงจะชำระเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตให้ธนาคารผู้รับซื้อเอกสารและตั๋วแลกเงินจากจำเลยที่ 4 ดังกล่าว โดยธนาคารผู้รับซื้อเอกสารและตั๋วแลกเงินนั้นสามารถรับเงินได้จากธนาคารผู้ร้องที่กรุงนิวยอร์ก(Reimbursement Bank) ตามที่ระบุไว้ในเลตเตอร์ออฟเครดิตนี้ จากนิติสัมพันธ์หรือความผูกพันต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นเห็นได้ว่า ธนาคารผู้ร้องไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาซื้อขายสินค้าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 4แต่การที่โจทก์จำเป็นต้องขอให้ธนาคารผู้ร้องออกเลตเตอร์ออฟเครดิตชนิดเพิกถอนไม่ได้เพื่อการชำระเงินค่าสินค้าให้แก่จำเลยที่ 4 ก็เพื่อให้ผู้ร้องที่เป็นธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้มีความน่าเชื่อถือในฐานะการเงินเข้ารับภาระในการจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิต อันมีผลให้ผู้ขายคือจำเลยที่ 4 มั่นใจว่าจะได้รับเงินค่าสินค้าอย่างแน่นอน เมื่อได้ปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิตกล่าวคือ สามารถนำเอกสารต่าง ๆ ซึ่งถูกต้องครบถ้วนตามที่ระบุไว้ในเลตเตอร์ออฟเครดิตมาเสนอต่อธนาคารเพื่อการรับเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิต ธนาคารผู้ร้องจึงมีหน้าที่ในการตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิตเท่านั้น โดยเมื่อมีการเสนอเอกสารถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิตแล้วผู้ร้องก็มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตนั้น หากผู้ร้องไม่ชำระเงินโดยปราศจากเหตุผลที่มีน้ำหนักเป็นที่ยอมรับได้ในวงการค้าระหว่างประเทศก็ย่อมก่อให้เกิดผลเสียต่อความน่าเชื่อถือในวงการค้าระหว่างประเทศของธนาคารผู้ร้องและมีผลกระทบต่อการประกอบกิจการในการออกเลตเตอร์ออฟเครดิตของผู้ร้องและลูกค้าที่ขอให้ผู้ร้องออกเลตเตอร์ออฟเครดิตเพื่อการชำระเงินค่าสินค้าแก่ผู้ขายสินค้าในต่างประเทศในภายหน้าทั้งยังก่อให้เกิดผลเสียต่อเนื่องถึงธนาคารหรือบุคคลอื่นที่มีความผูกพันเกี่ยวข้องกันในกรณีต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นด้วย ด้วยเหตุนี้การที่ศาลจะออกคำสั่งอายัดห้ามผู้ร้องชำระเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตเช่นนี้จึงต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งคดีนี้ตามคำฟ้องของโจทก์ก็ปรากฏว่าจำเลยที่ 4 มีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีอยู่แล้วการที่โจทก์ขอให้ธนาคารผู้ร้องออกเลตเตอร์ออฟเครดิตก็เพื่อการชำระเงินค่าสินค้าให้แก่จำเลยที่ 4 ที่ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีมาแต่แรก ไม่ใช่กรณีที่จำเลยที่ 4 ยักย้ายนำทรัพย์สินของตนจากประเทศไทยไปยังประเทศสาธารณรัฐเกาหลี และปรากฏว่าโจทก์ได้รับสินค้าที่จำเลยที่ 4 ส่งมาให้ในประเทศไทยแล้ว ดังนี้ เมื่อมีการยื่นเอกสารที่เกี่ยวกับการส่งสินค้าเพื่อการขอรับเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตถูกต้องครบถ้วนตามเงื่อนไขในเลตเตอร์ออฟเครดิต ผู้ร้องก็มีหน้าที่ต้องชำระเงินแก่ผู้มีสิทธิรับเงินหากไม่ชำระย่อมเกิดผลเสียหายต่อผู้ร้องและผู้อื่นดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วตามพฤติการณ์เช่นนี้ย่อมไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะมีคำสั่งอายัดห้ามผู้ร้องชำระเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตนี้ ทั้งตามเลตเตอร์ออฟเครดิตฉบับนี้มีเงื่อนไขให้จำเลยที่ 4 สามารถนำเอกสารและตั๋วแลกเงินไปเสนอขอรับเงินจากธนาคารใดธนาคารหนึ่งก่อนได้ ซึ่งมีผลให้ธนาคารที่รับซื้อเอกสารและตั๋วแลกเงินไว้นั้น (Negotiating Bank) เป็นผู้มีสิทธิรับเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตจากธนาคารผู้ร้องที่กรุงนิวยอร์กได้ และปรากฏตามคำแก้อุทธรณ์และเอกสารท้ายคำแก้อุทธรณ์ของโจทก์เองว่า ธนาคารคุกมินในประเทศสาธารณรัฐเกาหลีได้รับซื้อเอกสารตามเลตเตอร์ออฟเครดิต(Negotiation) ไว้ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2540 ก่อนที่โจทก์จะยื่นฟ้องคดีนี้ซึ่งยื่นฟ้องวันที่ 17 ตุลาคม 2540 ดังนี้ ธนาคารคุกมินจึงอยู่ในฐานะธนาคารที่รับซื้อเอกสารและตั๋วแลกเงิน (Negotiating Bank) และผู้มีสิทธิรับเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตจากธนาคารผู้ร้องที่กรุงนิวยอร์กคือธนาคารคุกมินดังกล่าว ย่อมไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งอายัดห้ามธนาคารผู้ร้องจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิตได้จึงสมควรเพิกถอนคำสั่งอายัดของศาลชั้นต้นเสีย ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาไม่เพิกถอนคำสั่งอายัดดังกล่าว ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งอายัดชั่วคราวของศาลชั้นต้นที่ห้ามผู้ร้องจ่ายเงินตามเลตเตอร์ออฟเครดิต เลขที่ JL 705141 ลงวันที่ 16มิถุนายน 2540