คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3601/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฟ้องกล่าวอ้างว่า เดิมจำเลยเป็นผู้เช่าที่ดินของโจทก์ปลูกเรือนอยู่อาศัย สัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว จึงบอกเลิกสัญญาเช่า และให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนออกไป แต่จำเลยเพิกเฉยคงอยู่ในที่ดินโดยละเมิด ส่วนฟ้องแย้งเป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวอ้างว่าโจทก์แจ้งว่าจะปรับปรุงการจัดผลประโยชน์ในที่ดินใหม่ เสร็จแล้วจะให้จำเลยเช่าต่อไปเป็นทำนองให้คำมั่นว่าจะให้จำเลยเช่า ดังนี้ หาใช่เรื่องเกี่ยวกันไม่ เพราะคำมั่นไม่เกี่ยวกับสัญญาเช่าที่หมดอายุไปแล้ว หรือมูลละเมิดที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องแย้งจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การจำเลย มีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาวินิจฉัยฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามคำฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่า เดิมจำเลยเป็นผู้เช่าที่ดินของโจทก์ปลูกเรือนอยู่อาศัยแต่สัญญาเช่าครบกำหนดตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2515 โจทก์ไม่ประสงค์ที่จะให้จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ต่อไป จึงบอกเลิกสัญญาเช่าและให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือนออกไปจากที่ดินของโจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย คงอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยละเมิดส่วนฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวอ้างว่า โจทก์ได้แจ้งแก่จำเลยว่าจะปรับปรุงการจัดผลประโยชน์ในที่ดินใหม่ เมื่อเสร็จแล้วจะให้จำเลยเช่าต่อไป เป็นทำนองให้คำมั่นว่าจะให้จำเลยเช่า จึงเป็นที่เห็นได้ว่า แม้จะเป็นเรื่องเช่าด้วยกัน แต่ก็หาใช่เรื่องเกี่ยวกันไม่ เพราะคำมั่นที่จำเลยอ้างไม่เกี่ยวกับสัญญาเช่าที่ดินที่หมดอายุไปแล้ว หรือมูลละเมิดที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม”

พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้

Share