แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ก่อนคดีนี้ จำเลยที่ 4 เคยต้องคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ในความผิดฐานกระทำอนาจารและภายในเวลาที่รอการลงโทษไว้ในคดีดังกล่าว จำเลยที่ 4 กระทำความผิดในคดีนี้อีก แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและขอให้บวกโทษในคดีก่อนเข้ากับโทษคดีนี้ก็ตาม ศาลฎีกาก็มีอำนาจนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนดังกล่าว มาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ได้ตาม ป.อ. มาตรา 58 วรรคแรก ที่ศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาให้บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 4 ด้วย และศาลอุทธรณ์ภาค 9 มิได้พิพากษาแก้ไขให้ถูกต้องนั้น เป็นการมิชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 มาตรา 5, 12, 50 ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 120 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91 ริบของกลาง และให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง และบริวาร ของจำเลยทั้งสี่ออกไปจากลำคลองอ้ายโตที่เกิดเหตุ
จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 มาตรา 12 วรรคหนึ่ง (ที่ถูก ต้องปรับทบมาตรา 12 วรรคสองด้วย), 50 วรรคสอง (ที่ถูก มาตรา 50 วรรคหนึ่ง) ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ วรรคสอง พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 120 วรรคสอง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานตั้งโรงงานดูดทรายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 8 เดือน ฐานดูดทรายในลำคลองทำให้เปลี่ยนแปลงร่องน้ำหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินจำคุกคนละ 8 เดือน รวมจำคุกคนละ 16 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยทั้งสี่คนละ 8 เดือน ริบของกลาง และให้จำเลยทั้งสี่ คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยทั้งสี่ออกไปจากลำคลองอ้ายโตที่เกิดเหตุ
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยทั้งสี่ฐานตั้งโรงงานดูดทรายโดยไม่ได้รับใบอนุญาต คนละ 6 เดือน ฐานดูดทรายในลำคลองทำให้เปลี่ยนแปลงร่องน้ำและดูดทรายในลำคลองทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดินซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 12 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสี่ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การที่จำเลยทั้งสี่ตั้งโรงงานดูดทรายโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและใช้โรงงานดังกล่าวดูดทรายในลำคลองอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินขึ้นมาจำหน่ายนั้น นับเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ส่อแสดงถึงพฤติกรรมของจำเลยทั้งสี่ที่มุ่งแสวงหาแต่ประโยชน์ส่วนตนโดยมิได้คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่สังคมส่วนรวม พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสี่นั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้วไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยทั้งสี่ฟังไม่ขึ้น และสำหรับจำเลยที่ 4 นั้น ความปรากฏแก่ศาลเองจากรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติซึ่งจำเลยที่ 4 มิได้โต้แย้งคัดค้านว่า ก่อนคดีนี้เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2544 จำเลยที่ 4 เคยต้องคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1480/2544 ให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ในความผิดฐานกระทำอนาจาร และภายในเวลาที่รอการลงโทษไว้ในคดีดังกล่าวจำเลยที่ 4 กระทำความผิดในคดีนี้อีก แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและขอให้บวกโทษในคดีก่อนเข้ากับโทษคดีนี้ก็ตาม ศาลฎีกาก็มีอำนาจนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนดังกล่าวมาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก ที่ศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาให้บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 4 ด้วย และศาลอุทธรณ์ภาค 9 มิได้พิพากษาแก้ไขให้ถูกต้องนั้นเป็นการมิชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
นอกจากนี้ คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องแล้วว่า จำเลยทั้งสี่ใช้โรงงานดูดทรายในลำคลองขึ้นมาเพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นการประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นมิได้พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสี่ในความผิดฐานประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต และศาลอุทธรณ์ภาค 9 มิได้แก้ไขให้ถูกต้องนั้น จึงเป็นการมิชอบ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างอิง ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยลงโทษจำเลยทั้งสี่ให้ถูกต้องได้แต่เนื่องจากโจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่อาจแก้ไขในเรื่องโทษให้ผิดไปจากที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษามาได้เพราะจะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสี่”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดฐานประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง นำโทษจำคุกของจำเลยที่ 4 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1480/2544 ของศาลชั้นต้น บวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 4 ในคดีนี้เป็นจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 10 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9