คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6519/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตาม ป.อ. มาตรา 297 เป็นเหตุที่ทำให้ผู้กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 295 ต้องรับโทษหนักขึ้นเพราะผลที่เกิดจากการกระทำโดยที่ผู้กระทำไม่จำต้องมีเจตนาต่อผลที่ทำให้ต้องรับโทษหนักขึ้น ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยใช้ท่อนไม้ขว้างปาผู้เสียหายถูกบริเวณศีรษะทำให้ผู้เสียหายตกรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ แม้จำเลยไม่มีเจตนาให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส คงมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายก็ตาม จำเลยก็ต้องรับผิดในผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยที่ทำร้ายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตาม ป.อ. มาตรา 297 (8)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (ที่ถูกมาตรา 297 (8)) จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัย “ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยไม่มีเจตนาทำให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสนั้น เห็นว่า ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 เป็นเหตุที่ทำให้ผู้กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 295 ต้องรับโทษหนักขึ้นเพราะผลที่เกิดจากการกระทำโดยที่ผู้กระทำไม่จำต้องมีเจตนาต่อผลที่ทำให้ต้องรับโทษหนักขึ้น ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยใช้ท่อนไม้ขว้างปาผู้เสียหายถูกบริเวณศีรษะทำให้ผู้เสียหายตกรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ แม้จำเลยไม่มีเจตนาให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสคงมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้เสียหายก็ตาม จำเลยก็ต้องรับผิดในผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำของจำเลยที่ทำร้ายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (8) ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่า สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยใช้ท่อนไม้ขว้างปาผู้เสียหายถูกบริเวณศีรษะขณะผู้เสียหายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ทำให้ผู้เสียหายตกรถจักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บสมองถูกกระทบกระเทือน มีแผลฉีกขาดที่หูข้างขวา แผลถลอกบวมที่ไหล่ข้างขวาและกระดูกดั้งจมูกหัก ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาถึง 2 เดือน พฤติการณ์การกระทำของจำเลยไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายและเป็นเรื่องร้ายแรง ประกอบกับขณะเกิดเหตุจำเลยมีอายุ 20 ปี และประกอบอาชีพการทำงาน จำเลยย่อมมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และมีภาระต้องเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัวก็ไม่สมควรรอการลงโทษ ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share