คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 671/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ขณะเกิดเหตุรถยนต์กระบะของกลางเป็นพาหนะที่คนต่างด้าวโดยสารอยู่ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อพาคนต่างด้าวให้พ้นจากการจับกุม ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ทั้งไม่ใช่ทรัพย์สินซึ่งได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้กระทำความผิดตามมาตรา 33 (1) ทั้งตามปกติรถยนต์กระบะของกลางโดยสภาพก็มีไว้เพื่อบรรทุกคนและสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังที่อื่นอันเป็นวัตถุประสงค์ทั่วไป จึงริบรถยนต์กระบะของกลางไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 เวลากลางวันจำเลยให้การช่วยเหลือแก่นางมะเอหลุ่ยและพวกรวม 9 คน ซึ่งเป็นคนต่างด้าว สัญชาติพม่า ที่ดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางอันถูกต้องไม่ผ่านเข้ามาในช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง และอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยจำเลยช่วยพาคนต่างด้าวดังกล่าวเดินทางจากตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตากเพื่อจะไปยังตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อันเป็นการช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวดังกล่าวพ้นจากการจับกุม โดยรู้อยู่แล้วว่าบุคคลดังกล่าวเป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลแม่ตาวและตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอดจังหวัดตาก เกี่ยวพันกัน เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมคนต่างด้าวดังกล่าว และรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน บง – 2655 ตาก ที่จำเลยใช้บรรทุกซุกซ้อนคนต่างด้าวเพื่อหลีกเลี่ยงหลบหนีการจับกุม ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 และมาตรา 33 และริบรถยนต์กระบะของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64 วรรคหนึ่ง จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน ริบรถยนต์กระบะของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษจำคุก และไม่ริบของกลาง
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย 20,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่งแล้ว คงปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และมาตรา 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ต้องริบรถยนต์กระบะของกลางหรือไม่ เห็นว่า ขณะเกิดเหตุรถยนต์กระบะของกลางเป็นพาหนะที่คนต่างด้าวดังกล่าวโดยสารอยู่ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อพาคนต่างด้าวดังกล่าวให้พ้นจากการจับกุม ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ทำหรือมีไว้เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ทั้งไม่ใช่ทรัพย์สินซึ่งได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) ทั้งตามปกติรถยนต์กระบะของกลางโดยสภาพก็มีไว้เพื่อบรรทุกคนและสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังที่อื่นอันเป็นวัตถุประสงค์ทั่วไปจึงริบรถยนต์กระบะของกลางไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ริบรถยนต์กระบะของกลางนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษาแก้ ไม่ริบรถยนต์กระบะของกลาง แต่คืนให้แก่เจ้าของนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 6

Share