แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
เด็กหญิง ก.ผู้เสียหายอายุ 14 ปีเรียนหนังสือที่กรุงเทพมหานครได้ไปเยี่ยมบิดามารดาที่จังหวัดเลย ได้ออกไปเที่ยวจนดึก เมื่อกลับบ้านบิดาไม่ยอมให้เข้าบ้านจึงไปนอนที่หอพักกับจำเลย คืนนั้นจำเลยจะล่วงเกินผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอมเช้าวันรุ่งขึ้นผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยร่วมประเวณี 2 ครั้งและจำเลยให้ผู้เสียหายพักอยู่ด้วยจนถึงตอนเย็นแล้วพาไปจังหวัดขอนแก่นพักนอนบ้านเพื่อน วันรุ่งขึ้นผู้เสียหายกับจำเลยยังเที่ยวต่อที่จังหวัดขอนแก่นอีก ไม่ส่งผู้เสียหายกลับจนมารดาผู้เสียหายพาตำรวจมาจับจำเลย พฤติการณ์ถือได้ว่า จำเลยพรากผู้เสียหายไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319, 83จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319 จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกาโดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วได้ความว่า ผู้เสียหายเที่ยวจนดึกเมื่อกลับบ้านบิดาไม่ยอมให้เข้าบ้าน ผู้เสียหายจึงไปนอนที่หอพักกับจำเลยคืนนั้นจำเลยจะล่วงเกินผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ยินยอม เช้าวันรุ่งขึ้นผู้เสียหายเห็นจำเลยโกรธจึงยอมให้ร่วมประเวณี 2 ครั้งหลังจากจำเลยร่วมประเวณีแล้วผู้เสียหายบอกว่าเป็นบุตรสาวพันตำรวจเอกช่วงชัย สัจจพงษ์ ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย และจำเลยก็ทราบว่าผู้เสียหายเป็นนักเรียนอายุยังน้อยไม่ชอบที่จะพาไปถึงจังหวัดขอนแก่นโดยไม่บอกให้บิดามารดาทราบ การที่จำเลยให้ผู้เสียหายพักอยู่ด้วยจนถึงตอนเย็นแล้วพาไปจังหวัดขอนแก่น พักนอนบ้านเพื่อวันรุ่งขึ้นผู้เสียหายกับจำเลยยังเที่ยวต่อที่จังหวัดขอนแก่นอีก ไม่ส่งผู้เสียหายกลับกรุงเทพมหานครจนเวลาประมาณ 24 นาฬิกา มารดาผู้เสียหายจึงพาตำรวจมาจับจำเลย พฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยพรากผู้เยาว์ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารจำเลยจึงมีความผิดตามฟ้องและที่ศาลล่างทั้งสองวางโทษจำเลยนั้นเหมาะสมกับพฤติการณ์แห่งคดีแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นแต่ที่ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319โดยไม่ระบุวรรคนั้นเห็นควรระบุวรรคเสียให้ชัดแจ้ง”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 319 วรรคแรก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์