คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 141/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องว่าจำเลยพยายามฆ่าคนร้ายซึ่งเข้ามาลักแตงโดยใช้ปืนยิงไป 1 นัด ไม่ปรากฏว่าคนร้ายคือใคร บาดเจ็บเพียงไร เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีปืนไม่ได้รับอนุญาตและใช้ปืนนั้นยิงผู้ร้ายซึ่งมาลักแตงในไร่ของจำเลย คนร้านนั้นหนีไป ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าข้อหาฐานมีปืนไม่ได้รับอนุญาตนั้นจำเลยรับฟังได้ แต่ข้อหาฐานพยายามฆ่านั้น ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะไม่ปรากฏตัวผู้เสียหาย ไม่ทรายว่าบาดเจ็บมากน้อยเพียงไร แม้จะสืบได้ความตามฟ้องก็ไม่มีทางลงโทษจำเลยได้ จึงสั่งงดสืบพะยานในข้อนี้ แล้วลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนปรับ ๒๕ บาท
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าฟ้องโจทก์มีรายการครบถ้วนแล้ว เพียงไม่ระบุว่าใครเป็นคนร้ายที่ถูกยิงยังไม่เคลือบคลุม ส่วนเรื่องบาดเจ็บไม่สำคัญเพราะถึงจะยิงไม่ถูกก็ยังอาจเป็นพยายามฆ่าได้ ข้อเท็จจริงเถียงกันแต่ว่าเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุหรือไม่เท่านั้น จึงพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นให้จัดการสืบพะยานโจทก์จำเลยตามฟ้องต่อไป
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าตามฟ้องโจทก์กล่าวว่าไม่ทราบว่าใครเป็นคนร้ายลักทรัพย์ของจำเลย ในรายการพิจารณาของศาลชั้นสอบถามต่อมาก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์แสดงได้ว่าคนร้ายเป็นใคร และเพราะเหตุไรจึงไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลตามสมควรดั่งที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๕๘ (๕)แห่งประมวลวิธีพิจารณาความอาญา คดีนี้กล่าวหาเป็นความฉกรรจ์อันจำเลยจะต้องถูกจำคุกได้กว่า ๑๐ ปี โจทก์มีหน้าที่จะต้องสืบให้ได้ความสมจริงตามข้อหาที่กล่าวเพราะฉะนั้นเมื่อขาดรายละเอียดนี้เสียแล้วเห็นว่าจะเรียกฟ้องมีรายละเอียดสมบูรณ์ตามความต้องการของกฏหมายแล้วยังไม่ได้จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น

Share