แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยรับของโจรทรัพย์ 13 รายการไว้ในคราวเดียวกัน แม้จะปรากฏว่าทรัพย์ดังกล่าวแต่ละรายการเป็นของผู้เสียหายหลายคนต่างกัน การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดกรรมเดียว การที่โจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นแต่ละคดีตามจำนวนของผู้เสียหายรวมทั้งคดีนี้ด้วยนั้น เมื่อได้ความว่าศาลชั้นต้นในคดีอื่นได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรทรัพย์บางรายการที่จำเลยรับมาในคราวเดียวกับคดีนี้แล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิจะนำคดีมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรเป็นคดีนี้อีก เพราะสิทธินำคดีอาญามาฟ้องเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป และเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยทรัพย์ของผู้เสียหายเป็นของกลาง ทั้งนี้โดยจำเลยร่วมกันลักทรัพย์หรือมิฉะนั้นจำเลยรับเอาทรัพย์ของกลางไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่ได้มาจากการ กระทำผิดฐานลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๓๕๗ และนับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๘๙๖/๒๕๓๐ และคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๓๑๐๔/๒๕๓๐ ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๕๗ จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ ปี นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีหมายเลขดำที่ ๒๘๙๖/๒๕๓๐ หมายเลขแดงที่ ๔๐๘๑/๒๕๓๐ ของศาลชั้นต้น คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า กรณีที่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยหลายคดีโดยมีผู้เสียหายต่างกัน ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีก่อนซึ่งได้พิพากษาไปแล้วได้เพราะเป็นการกระทำคนละกรรมต่างหากกัน แต่ที่ศาลชั้นต้นลงโทษโดยไม่กำหนดวรรคนั้นไม่ถูกต้อง พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ วรรคแรก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ทรัพย์ของกลางในคดีนี้เป็นทรัพย์ของกลางในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๔๐๘๑/๒๕๓๐ ของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นนำโทษของจำเลยคดีนี้ไปนับต่อตามคำขอของโจทก์ เจ้าพนักงานจับได้จากจำเลยพร้อมกันและโจทก์ไม่ได้นำสืบว่า จำเลยรับทรัพย์ของกลางทั้ง ๑๓ รายการไว้ต่างคราวต่างวาระกัน ทั้งมิได้กล่าวแก้อุทธรณ์หรือฎีกาของจำเลยในปัญหานี้ด้วย คดีจึงฟังได้ว่าจำเลยได้รับทรัพย์ของกลางในคดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๔๐๘๑/๒๕๓๐ ของศาลชั้นต้นไว้ในคราวเดียวกัน จึงเป็นการกระทำความผิดฐานรับของโจรกรรมเดียวกันแต่โจทก์ได้แยกฟ้องจำเลยเป็นแต่ละคดีตามจำนวนของผู้เสียหาย เมื่อจำเลยถูกฟ้องและศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรในคดีอาญาหมาย เลขแดงที่ ๔๐๘๑/๒๕๓๐ ของศาลชั้นต้นแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิจะนำคดีมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรเป็นคดีนี้อีก เพราะเป็นความผิดกรรมเดียวกันและสิทธินำคดีมาฟ้องเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙(๔) ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์