คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้าย ช. และ จ. พวกของผู้ตายก่อนช. และ จ. วิ่งหนีไปโดยจำเลยกับพวกมิได้ติดตามไปทำร้ายซ้ำเติมเมื่อผู้ตายกับ ธ. ขี่รถจักรยานยนต์มาถึง จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายผู้ตายกับ ธ. อีก โดยพวกจำเลยใช้ไม้ตีผู้ตายล้มลง แล้วจำเลยกับพวกเข้ารุมทำร้ายโดยจำเลยมิได้มีอาวุธ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยมีสาเหตุกับผู้ตายมาก่อน มูลเหตุที่จะทำร้ายผู้ตายก็มีเพียงว่าจำเลยกับพวกไม่ถูกกับคนในหมู่บ้านเดียวกับผู้ตายจึงทำร้ายฝากมา ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายเท่านั้น เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะถูกพวกของจำเลยใช้ไม้และท่อนเหล็กตี จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,91, 288, 295 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 288, 295 ลงโทษตามมาตรา 288จำคุก 20 ปี ตามมาตรา 295 จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 22 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 290, 295 ลงโทษตามมาตรา 290 จำคุก 15 ปี ตามมาตรา295 จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมเป็นจำคุก 17 ปี โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 15เมษายน 2528 เวลาประมาณ 17 นาฬิกา จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายนายบรรเทิง จิตสามารถ ผู้ตาย นายจรูญ เอี่ยมสะอาด และนายธงชัย จั่นทอง จนเป็นเหตุให้นายบรรเทิงถึงแก่ความตายนายจรูญและนายธงชัย ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย บาดแผลปรากฏตามรายงานการตรวจศพ รายงานการชันสูตรพลิกศพและผลการตรวจชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้อง โดยเหตุที่ทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเนื่องจากมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง ทำให้สมองน้อยส่วนทอนซิลยื่นกดศูนย์หายใจ เนื่องจากถูกของแข็งกระทบกระแทกอย่างแรง ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยกับพวกใช้ไม้แปขนาดกว้าง 3 นิ้ว หนา 1 นิ้วยาวประมาณ 3 เมตร และท่อนเหล็กตีทำร้ายผู้ตายแม้ไม่ประสงค์ต่อผล แต่ย่อมเล็งเห็นผล พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาฆ่าผู้ตายนั้น ปัญหาวินิจฉัยมีว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายหรือไม่ ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายนายชำนาญและนายจรูญผู้เสียหายก่อน นายชำนาญและนายจรูญวิ่งหนีไปโดยจำเลยกับพวกมิได้ติดตามไปทำร้ายซ้ำเติม เมื่อผู้ตายกับนายธงชัยผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์มาถึง จำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายผู้ตายกับนายธงชัยผู้เสียหายอีกเช่นเดียวกัน นายธงชัยผู้เสียหายวิ่งหนีไป ส่วนผู้ตายถูกพวกของจำเลยตีด้วยไม้แปล้มลงจำเลยกับพวกจึงเข้าไปรุมทำร้ายผู้ตาย ในการเข้าไปทำร้ายผู้ตายนี้ นายชำนาญเบิกความว่า พยานเห็นจำเลยใช้ไม้ตีผู้ตายหลายครั้งถูกบริเวณหน้าอก นายจรูญเบิกความว่า พยานเห็นนายเจี๊ยบใช้ไม้ตีและจำเลยใช้เท้ากระทืบผู้ตาย แต่เมื่อตอบทนายจำเลยกลับว่าเห็นจำเลยแย่งไม้จากนายเจี๊ยบแล้วตีทำร้ายผู้ตาย ส่วนนายธงชัยเบิกความว่า จำเลยจะใช้ไม้หรือใช้เท้านั้นพยานไม่เห็น เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันในข้อที่ว่าจำเลยใช้ไม้ตีผู้ตายหรือไม่โดยเฉพาะนายจรูญแม้จะเบิกความว่าเห็นจำเลยใช้ไม้ตีผู้ตาย แต่ก็เบิกความตอบโจทก์และตอบทนายจำเลยแตกต่างกันฟังเป็นแน่นอนไม่ได้ จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้ไม้แปตีผู้ตาย คงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยเป็นคนหนึ่งที่เข้ารุมทำร้ายผู้ตายโดยจำเลยมิได้มีอาวุธ เมื่อฟังประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยมิได้ทำร้ายซ้ำเติมพวกของผู้ตาย ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยมีสาเหตุกับผู้ตายมาก่อน มูลเหตุที่จะทำร้ายผู้ตายได้ความจากนายธงชัย จิตสามารถ บิดาของผู้ตายเพียงว่าจำเลยกับพวกไม่ถูกกับนายวิโรจน์คนในหมู่บ้านเดียวกับผู้ตายจึงตีฝากมา พฤติการณ์ดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายเท่านั้น เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะถูกพวกของจำเลยใช้ไม้และท่อนเหล็กตี จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 โดยไม่ได้ระบุวรรคใดนั้นเห็นสมควรระบุวรรคเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา290 วรรคแรก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”

Share