คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6634/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หาดทรายชายทะเลซึ่งชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกัน แม้จะเปลี่ยนแปลงสภาพโดยธรรมชาติโดยทะเลตื้นเขินขึ้น แต่ก็เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304(2) ตราบใดที่ทางราชการยังมิได้ตราพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรคสองที่ดินพิพาทก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ผู้ใดหามีสิทธิครอบครองหรือมีกรรมสิทธิ์ไม่โจทก์มิใช่ผู้ยึดถือที่ดินพิพาท จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ครบกำหนดแล้วไม่ยอมออกจากที่ดินของโจทก์ ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและออกไปจากที่ดินของโจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยเคยเช่าที่ดินของโจทก์แต่จำเลยออกจากที่ดินที่เช่าแล้วที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ โจทก์ไม่เสียหายตามที่ฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท

โจทก์อุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 1,500บาท แทนจำเลย

โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า… พยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าที่ดินในบริเวณหมายเลข 1 และ 2 ในแผนที่พิพาทเป็นที่ดินที่งอกจากที่ดินของโจทก์ แต่เป็นที่ดินซึ่งเดิมเป็นหาดทรายชายทะเล ได้ความจากคำเบิกความของนายโหยบ หวันมะ และนายนพดลดีโหมด พยานจำเลยซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งที่ดินพิพาทตั้งอยู่ว่า ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันในที่ดินพิพาท โดยใช้ตากกุ้งและตากปลาอันเป็นการใช้ทรัพย์สินของแผ่นดินเพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน โดยโจทก์ไม่เคยทำประโยชน์ โจทก์เพิ่งล้อมรั้วสังกะสีเมื่อประมาณ 5 ถึง6 เดือน มาเท่านั้น ฉะนั้น ที่ดินพิพาทแม้จะเปลี่ยนแปลงสภาพโดยธรรมชาติโดยทะเลตื้นเขินขึ้นแต่ก็เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน เช่นนี้ จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) ตราบใดที่ทางราชการยังมิได้ตราพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 วรรคสอง ที่ดินพิพาทก็ยังคงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ ซึ่งสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ผู้ใดหามีสิทธิครอบครองหรือมีกรรมสิทธิ์ไม่ เมื่อที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและโจทก์มิใช่ผู้ยึดถือที่ดินพิพาท เช่นนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share