คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

กรมที่ดินมีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนด ที่ดินของโจทก์ เพราะที่ดินอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้าม ย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนด ที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ศาลมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่งซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 11 สิงหาคม 2527 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลก็อนุญาตอีก จึงเริ่มนับ 1 ในวันที่12 สิงหาคม 2527 จะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์ก็ไม่ได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่มกลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ โจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้นถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินร่วมกันตามโฉนดเลขที่ 13113 และโฉนดเลขที่ 14901 ซึ่งมีเนื้อที่ติดต่อเป็นผืนเดียวกันอยู่ที่ตำบลนครสวรรค์ตก (ปากน้ำโพ) อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ โดยเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครสวรรค์เป็นผู้ออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ทั้งสอง โดยชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาจำเลยได้มีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดเลขที่ 13113 และโฉนดเลขที่ 14901ของโจทก์โดยอ้างว่าที่ดินทั้งสองโฉนดังกล่าวอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้าม คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ศาลพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งกรมที่ดินที่ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ และให้จำเลยดำเนินการให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครสวรรค์ออกโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลงให้กับโจทก์ใหม่
จำเลยให้การว่าที่ดินตามโฉนดที่โจทก์ฟ้องเป็นที่หวงห้ามสงวนไว้ใช้ในราชการตามประกาศผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. 2472และประกาศสมุหเทศาภิบาล จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. 2433 ที่ดินดังกล่าวจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่มีสิทธิยึดถือหรือครอบครองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ที่ดินทั้ง 2 แปลงเป็นที่ดินที่ต้องห้ามมิให้ออกโฉนดตามกฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ข้อ 8(2) จำเลยจึงมีอำนาจที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าวเสียได้ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดชี้สองสถานเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2527 ศาลได้มีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่มภายใน 1 เดือน นับแต่วันสั่ง
วันที่ 27 กรกฎาคม 2527 โจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์ที่ 2ขอยื่นฟ้องอย่างคนอนาถาเพราะไม่มีอาชีพ ไม่ได้ทำงาน อาศัยอยู่กับบุตรสาว ส่วนที่โจทก์ 1 ขอขยายระยะเวลานำเงินมาวางไปอีก 2 เดือนแต่ศาลมีคำสั่งให้โจทก์นำเงินค่าขึ้นศาลมาวางภายใน 15 วันนับแต่วันสั่งมิฉะนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง
วันที่ 10 สิงหาคม 2527 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาการวางเงินออกไปอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต
วันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์ยื่นคำร้องว่าได้ไปติดต่อขอกู้เงินจากบริษัทฟองซีเออร์ลีรสิทธิ ผู้จัดการอนุมัติแล้ว และอยู่ระหว่างรอคณะกรรมการอนุมัติอีกครั้งหนึ่งซึ่งจะต้องใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ขออนุญาตเลื่อนการนำเงินค่าขึ้นศาลมาวางอีกครั้งหนึ่ง ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาต เพราะไม่มีหลักฐานมาแสดงจึงถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า คดีของโจทก์เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์เพราะโจทก์ฟ้องขอให้ทำลายคำสั่งของกรมที่ดินจึงเป็นคำขอที่ไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ แม้เดิมโจทก์จะสำคัญผิดว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ก็ไม่เป็นผลทำให้คดีของโจทก์กลายเป็นคดีมีทุนทรัพย์นั้น เห็นว่าเมื่อกรมที่ดินมีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดเลขที่ 13113 และ 14901 นั้นย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครสวรรค์ออกโฉนดที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีก่อนสิ้นเวลาที่กำหนดให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่มขึ้น ได้ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าศาลมีคำสั่งครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2527 ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 1 เดือนนับแต่วันสั่งจึงครบกำหนดในวันที่ 29 กรกฎาคม 2527 ครั้งที่สองศาลมีคำสั่งขยายเวลาให้นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 11 สิงหาคม 2527 ครั้งที่สามโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม2527 จะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่10 กันยายน 2527 โจทก์ก็หาได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่มไม่ กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือน และเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต โจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กรณีของโจทก์ขึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน”
พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share