คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6632/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ฎีกาของจำเลยที่ว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองมีเพียง 2 เม็ด จำเลยมิได้นำมาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น เป็นฎีกาที่ขัดกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลล่างทั้งสองศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลล่างทั้งสองรวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสองกระทงก่อนแล้วจึงลดโทษนั้นไม่ถูกต้อง เพราะหากลดโทษให้แต่ละกระทงก่อนจะเหลือโทษจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษทั้งสองกระทงเข้าด้วยกันแล้วนำโทษจำคุกเฉพาะ 6 เดือน มารวมกันเป็น 1 ปีย่อมจะทำให้จำเลยต้องรับโทษหนักขึ้น เนื่องจากโทษจำคุก 12 เดือนคำนวณได้ 360 วัน แต่โทษจำคุก 1 ปี จะมีถึง 365 วันหรือ 366 วันแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 วรรคสองปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67 คืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเรียงกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายลงโทษจำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ลงโทษจำคุก 5 ปี รวมเป็นจำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี คืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาข้อแรกว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวนั้น เห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 2 เม็ด และจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้สายลับไป 1 เม็ด ดังนี้ เมื่อจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 1 เม็ดให้สายลับ จำเลยย่อมมีความผิดฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนแล้วกระทงหนึ่งแต่หลังจากนั้นจำเลยยังคงมีเมทแอมเฟตามีนอีก 1 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายต่อไปอันเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่ง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกระทง ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองมีเพียง2 เม็ด จำเลยมิได้นำมาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น เป็นฎีกาที่ขัดกับคำให้การรับสารภาพของจำเลย จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ที่จำเลยฎีกาอีกข้อหนึ่งขอให้ลงโทษจำเลยในสถานเบานั้นเห็นว่า ความผิดของจำเลยทั้งสองกระทงมีอัตราโทษขั้นต่ำให้จำคุกกระทงละ 5 ปี ศาลฎีกาจึงไม่อาจกำหนดโทษจำเลยให้เบาลงอีกได้ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน แต่ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยรวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสองกระทงเสียก่อนแล้วจึงลดโทษนั้นไม่ถูกต้อง เพราะหากลดโทษให้แต่ละกระทงก่อนจะเหลือโทษจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษทั้งสองกระทงเข้าด้วยกันแล้ว นำโทษจำคุกเฉพาะ6 เดือน มารวมกันเป็น 1 ปี ย่อมจะทำให้จำเลยต้องรับโทษหนักขึ้นเนื่องจากโทษจำคุก 12 เดือน คำนวณได้ 360 วัน แต่โทษจำคุก 1 ปี จะมีถึง 365 วัน หรือ 366 วัน แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 21 วรรคสอง ปัญหาข้อนี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นฎีกา”

พิพากษาแก้เป็นว่า เมื่อลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว ให้จำคุกกระทงละ 2 ปี6 เดือน รวมสองกระทงเป็นจำคุก 4 ปี 12 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share