คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 127/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยมีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งแม้หลักทรัพย์ดังกล่าวจะติดจำนองอยู่แก่ธนาคารและจำเลยยังไม่มีเงินไถ่ถอน ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนยากจนที่ไม่อาจเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว กลับยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจน แต่ตามคำร้องที่ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานหลักฐานใหม่ไม่ปรากฏว่าเหตุที่จำเลยอ้างตามคำร้องเป็นเหตุอื่นนอกเหนือไปจากที่เคยอ้างไว้เดิม ตามพฤติการณ์ย่อมเป็นที่เห็นได้อยู่ในตัวว่าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานใหม่เพิ่มเติมไปจากที่ศาลชั้นต้นเคยวินิจฉัยแล้ว ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่ของจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

ย่อยาว

มูลกรณีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน1,275,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2539 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้อง วันที่ 29 สิงหาคม 2540 ต้องไม่เกิน 108,640.62 บาทและให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ จำเลยอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าจำเลยมิได้ยากจนจริง ยกคำร้อง

จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่ เพื่ออนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่ายากจนจริง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง

จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งว่า ตามคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาใหม่ เพื่ออนุญาตให้นำหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจนนั้นไม่ได้ระบุว่าจำเลยมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมอื่นใด อันจะทำให้เห็นว่าฐานะของจำเลยมิได้เป็นดังเช่นที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไว้แล้ว จึงเป็นการยื่นคำร้องขอที่เลื่อนลอยไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมอีก คำสั่งของศาลชั้นต้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง หากจำเลยยังประสงค์ที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็ให้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่า มีเหตุสมควรไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ขอนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจนหรือไม่ เห็นว่า ในชั้นแรกศาลชั้นต้นได้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้วเห็นว่าจำเลยยังมีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งแม้หลักทรัพย์ดังกล่าวจะติดจำนองอยู่แก่ธนาคารและจำเลยยังไม่มีเงินไถ่ถอน ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนยากจนที่ไม่อาจเสียค่าธรรมเนียมศาลได้จำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวกลับยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเพื่อขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจน แต่ตามคำร้องที่ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนพยานหลักฐานใหม่ไม่ปรากฏว่าเหตุที่จำเลยอ้างตามคำร้องเป็นเหตุอื่นนอกเหนือไปจากที่เคยอ้างไว้เดิม ซึ่งศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไปแล้ว ตามพฤติการณ์ย่อมเป็นที่เห็นได้อยู่ในตัวว่าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานใหม่เพิ่มเติมไปจากที่ศาลชั้นต้นเคยวินิจฉัยแล้ว ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่ของจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share