คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 663/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยืนยันในคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดว่าผู้ร้องอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และไม่เคยแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ใหม่ไปที่อื่นให้ศาลชั้นต้นทราบเลย แสดงว่าผู้ร้องมีเจตนาถือเอาที่อยู่ที่กรุงเทพมหานครเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการสำหรับการดำเนินคดีนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 42 แม้ในขณะปิดหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้ร้องได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่อื่นแล้ว ก็ต้องถือว่าผู้ร้องยังมีภูมิลำเนาเฉพาะการอยู่ที่กรุงเทพมหานครและได้ทราบกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบแล้ว เมื่อผู้ร้องไม่มาศาลในวันนัดศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังผู้ร้องได้ กรณีไม่มีเหตุให้ต้องเพิกถอนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้บริษัทเงินทุนยูไนเต็ดมาลายันจำกัด ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 72480 พร้อมบ้าน 2 ชั้น เลขที่ 10/7 ของลูกหนี้ให้แก่บริษัทลักกี้โรด จำกัด ไปในราคา 4,450,000 บาท ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องเป็นผู้เข้าสู้ราคาในการขายทอดตลาดดังกล่าว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการขายทอดตลาดไม่ชอบด้วยระเบียบและคำสั่งของกรมบังคับคดีโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ขานราคาและเคาะไม้ขายแก่ผู้ซื้ออย่างรวดเร็วและขายในราคาต่ำกว่าราคาท้องตลาดและราคาประเมินของทางราชการ ทำให้ผู้ร้องไม่สามารถเสนอราคาเพิ่มขึ้นได้ทัน อีกทั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้รายงานต่ออธิบดีหรือผู้ได้รับมอบหมายจากอธิบดีเพื่ออนุมัติการขายก่อน ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายไม่สามารถซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวได้ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดใหม่ ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องแล้วมีคำสั่งว่า บริษัทลักกี้โรด จำกัด ผู้ซื้อทรัพย์มิได้ชำระราคาภายในกำหนด และได้ขอขยายระยะเวลาชำระเงิน แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อนุญาต ผู้ซื้อยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลมีคำสั่งยกคำร้องจึงต้องประกาศขายที่ดินใหม่ คำร้องของผู้ร้องจึงไม่เป็นประโยชน์ในการวินิจฉัยให้ยกคำร้อง ผู้ร้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่ที่ 12 ตำบลแขม อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามรายงานการเดินหมายของพนักงานเดินหมายไม่ชอบ เพราะมิได้ส่งให้แก่ผู้ร้องตามภูมิลำเนาของผู้ร้องและไม่มีรายละเอียดของสภาพสถานที่ให้ชัดเจนนอกจากนั้นการส่งหมายให้แก่ทนายผู้ร้องโดยอ้างว่าไม่สามารถส่งได้เพราะหาที่อยู่ไม่พบ ก็มีเหตุน่าสงสัยว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขอให้เพิกถอนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “มีปัญหาตามฎีกาของผู้ร้องว่า มีเหตุสมควรเพิกถอนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องมิได้มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 32/26 หมู่ที่ 3 หมู่บ้านในเขต แขวงบางจากเขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร ตามที่ได้มีการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ การส่งหมายนัดดังกล่าวจึงไม่ชอบนั้น เห็นว่า แม้จะได้ความตามที่ผู้ร้องอ้างในคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ผู้ร้องมีภูมิลำเนาตามกฎหมายอยู่ที่บ้านเลขที่ 31 หมู่ที่ 12 ตำบลแชม อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ มาตั้งแต่ก่อนผู้ร้องเข้าซื้อทอดตลาดทรัพย์คดีนี้ก็ตาม แต่การที่ผู้ร้องบรรยายยืนยันในคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดว่า ผู้ร้องอยู่บ้านเลขที่ 32/26 หมู่ที่ 3 หมู่บ้านในเขตแขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร และหลังจากนั้นไม่เคยได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ใหม่ให้ศาลชั้นต้นทราบเลย แสดงว่าผู้ร้องมีเจตนาที่ปรากฏชัดแจ้งต่อศาลชั้นต้นให้ถือเอาที่อยู่ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการสำหรับการดำเนินคดีนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 42 แม้จะได้ความตามที่ผู้ร้องอ้างว่าในขณะปิดหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้ร้องได้ย้ายไปอาศัยอยู่ยังที่อื่นแล้ว ก็ต้องถือว่าผู้ร้องยังมีภูมิลำเนาเฉพาะการอยู่ยังสถานที่เดิมและได้ทราบกำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบแล้ว เมื่อผู้ร้องไม่มาศาลในวันนัด จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ลับหลังผู้ร้องได้ กรณีไม่มีเหตุให้ต้องเพิกถอนการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว”

พิพากษายืน

Share