แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 50 วรรคสองที่ระวางโทษหนักขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรา 50 วรรคหนึ่ง มุ่งหมายเฉพาะผู้ซึ่งกระทำผิดตามมาตรา 50 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีสัญชาติไทยเท่านั้นเมื่อจำเลยผู้ซึ่งกระทำความผิดเป็นผู้มีสัญชาติไทยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 50 วรรคหนึ่ง ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตามมาตรา 50 วรรคสองจึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขบทความผิดให้ถูกต้อง แต่ศาลล่างวางโทษมาเหมาะสมแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่แก้โทษให้เบาลง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่กับพวกอีกสองคน ซึ่งมีคนหนึ่งเป็นคนไม่มีสัญชาติไทยได้ร่วมกันแจ้งให้นางลำดวน เวชรัตนะวัฒน์ เจ้าพนักงานปกครอง 5 และนายอำนวย ภูหนองโอง เจ้าหน้าที่ปกครอง 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ผู้กระทำการตามหน้าที่ มีหน้าที่เกี่ยวกับงานทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนของที่ว่าการกิ่งอำเภอกุดรัง ในการรับแจ้งย้ายเข้าย้ายออกเพิ่มเติมชื่อบุคคลในทะเบียนบ้านในเขตกิ่งอำเภอกุดรังจดข้อความอันเป็นเท็จลงในบันทึกเรื่องขอเพิ่มเติมชื่อเข้าในทะเบียนบ้านลงวันที่ 28 สิงหาคม 2539 อันเป็นเอกสารราชการของสำนักงานทะเบียนกิ่งอำเภอกุดรัง ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐานในการขอเพิ่มชื่อบุคคลในทะเบียนบ้านว่า นายสมคิด สีฤทธิ์ เป็นบุตรของจำเลยที่ 1และที่ 2 เกิดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2516 และเป็นพี่น้องฝาแฝดกับจำเลยที่ 4 ไม่ได้เป็นบุคคลต่างด้าวมีชื่อตกหล่นจากทะเบียนบ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 6 ตำบลนาโพธิ์ กิ่งอำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม เพื่อขอเพิ่มเติมชื่อเข้าในทะเบียนบ้านเลขที่ดังกล่าวซึ่งความจริงแล้ว พวกของจำเลยทั้งสี่ดังกล่าวไม่ได้ชื่อนายสมคิด สีฤทธิ์ ไม่ได้เป็นบุตรของจำเลยที่ 1 และที่ 2 และมิได้เป็นพี่น้องฝาแฝดกับจำเลยที่ 4 และเป็นบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นางลำดวน เวชรัตนะวัฒน์นายอำนวย ภูหนองโอง และทางราชการที่ว่าการกิ่งอำเภอกุดรังหรือประชาชนและเป็นการกระทำเพื่อให้พวกของจำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นคนไม่มีสัญชาติไทยที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้องมีชื่อหรือมีรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้านเลขที่ 82 หมู่ที่ 6 ตำบลนาโพธิ์ กิ่งอำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม โดยมิชอบขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 137, 267 พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 50 วรรคสอง และให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษจำคุกในคดีหมายเลขดำที่ 2334/2540 ของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ให้การรับสารภาพ
จำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นสั่งให้แยกฟ้องจำเลยที่ 3ภายใน 10 วัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 137, 267 พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 50 วรรคสอง เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 50 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกคนละ 1 ปี จำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 4 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 6 เดือน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 อุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ได้ร่วมกับพวกอีกสองคน แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานตามกฎหมายผู้กระทำการตามหน้าที่เกี่ยวกับงานทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อให้พวกของจำเลยซึ่งเป็นคนไม่มีสัญชาติไทย มีชื่อหรือมีรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้านเลขที่ 82 หมู่ 6 ตำบลนาโพธิ์ กิ่งอำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคามโดยมิชอบ เป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศชาติ พฤติการณ์แห่งคดีการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1ที่ 2 และที่ 4 จึงร้ายแรง ข้ออ้างของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ได้
อนึ่ง พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 50วรรคสอง ระวางโทษหนักขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรา 50 วรรคหนึ่งนั้นมุ่งหมายเฉพาะผู้ซึ่งกระทำผิดตามมาตรา 50 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่ไม่มีสัญชาติไทย เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 เป็นผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยจึงไม่ต้องด้วยมาตรา 50 วรรคสอง คงเป็นความผิดตามมาตรา 50 วรรคหนึ่ง เท่านั้นที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ตามมาตรา 50 วรรคสองนั้นไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง แต่ยังเห็นว่าอัตราโทษที่ศาลล่างทั้งสองวางโทษมานั้นเหมาะสมแล้ว”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 50 วรรคหนึ่งนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1