คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9658/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 มาตรา 21 วรรคสี่ บัญญัติว่า เมื่อทำคำชี้ขาดแล้ว อนุญาโตตุลาการหรือผู้ชี้ขาดจะต้องจัดส่งสำเนาคำชี้ขาดนั้น ถึงคู่กรณีที่เกี่ยวข้องทุกคน และในหมวดที่ 6 ที่ว่าด้วยการบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศ มาตรา 30 บัญญัติให้คู่กรณีฝ่ายที่ประสงค์จะให้มีการบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศยื่นคำร้องขอต่อศาลที่มีเขตอำนาจภายในกำหนดเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ได้ส่งสำเนาคำชี้ขาดถึงคู่กรณีตามมาตรา 21 วรรคสี่ แสดงว่าผู้ร้องจะเกิดสิทธิหรืออำนาจที่จะยื่นคำร้องขอให้มีการบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศได้ก็ต่อเมื่อได้มีการจัดส่งสำเนาคำชี้ขาดนั้นให้แก่ผู้คัดค้านแล้ว หน้าที่นำสืบถึงข้อเท็จจริงข้อนี้ย่อมตกเป็นของผู้ร้อง
การส่งสำเนาคำชี้ขาดทางไปรษณีย์ธรรมดาไม่ลงทะเบียนย่อมไม่มีหลักฐานว่าผู้คัดค้านได้รับคำชี้ขาดแล้ว ที่ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ร้องมีสิทธิส่งสำเนาคำชี้ขาดให้แก่ผู้คัดค้านโดยทางไปรษณีย์ธรรมดาไม่ต้องลงทะเบียน ตามข้อบังคับอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนข้อ 77 โดยอ้างส่งข้อบังคับอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีข้อความเป็นภาษาอังกฤษเป็นพยาน และผู้ร้องมิได้ส่งคำแปลเป็นภาษาไทยต่อศาล แม้เฉพาะข้อความในข้อ 77 ที่ผู้ร้องอ้างก็ไม่ปรากฏว่าผู้ร้องและผู้คัดค้านมีการตกลงกันว่าไม่ต้องทำคำแปลหรือศาลอนุญาตให้ส่งเอกสารโดยไม่ต้องทำคำแปล ตามที่ได้กำหนดเป็นข้อยกเว้นไว้ในข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2540 ข้อ 23 ทั้งผู้คัดค้านก็โต้เถียงอยู่ว่า ข้อบังคับของอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนข้อ 76 และข้อ 77 มิได้ระบุชัดเจนถึงวิธีการจัดส่งเอกสารเกี่ยวกับอนุญาโตตุลาการ หนังสือบอกกล่าวและเอกสารให้แก่คู่กรณีไว้ และข้อความในข้อ 76 และข้อ 77 ก็มิได้ระบุแจ้งชัดว่าอนุญาตให้มีการจัดส่งเอกสารต่าง ๆ โดยวิธีธรรมดาได้ พยานหลักฐานของผู้ร้องจึงไม่อาจรับฟังได้ว่าการส่งสำเนาคำชี้ขาดให้แก่ผู้คัดค้านตามที่วิธีการที่ผู้ร้องได้นำสืบมานั้นถูกต้องตามข้อบังคับของอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนอันเป็นการเพียงพอให้ถือได้ว่าได้มีการจัดส่งสำเนาคำชี้ขาดถึงผู้คัดค้านโดยชอบตามมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 แล้ว
การส่งจดหมายหรือเอกสารทางไปรษณีย์ธรรมดาระหว่างประเทศต้องมีการขนส่งโดยพาหนะหลายทอดหลายตอน ไม่มีหลักฐานการตอบรับจากผู้รับ และหากส่งได้ก็จะไม่มีการบันทึกการส่งได้ไว้ หากส่งไม่ได้ไปรษณีย์ ผู้ส่งจะบันทึกลงบนไปรษณีย์ภัณฑ์นั้นถึงเหตุที่ส่งไม่ได้ และจัดการส่งคืนผู้ฝากส่ง แม้ไม่ปรากฏว่าหนังสือแจ้งคำชี้ขาดที่ส่งไปให้แก่ผู้คัดค้านได้มีการส่งกลับคืนไปเพราะส่งไม่ได้ก็ตาม ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าไม่มีการส่งสำเนา คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการถึงผู้คัดค้านซึ่งจะต้องถูกบังคับตามคำชี้ขาดแล้ว ผู้ร้องจึงยังไม่มีอำนาจที่จะร้องขอให้ศาลบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังกล่าวตามที่บทบัญญัติไว้ในมาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ. อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 ได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดตามกฎหมายของสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๙ ผู้คัดค้านได้ทำสัญญาขายแผ่นโพลีเอสเตอร์กึ่งด้าน (คุณภาพเส้นใยเกรดเอ) จำนวน ๕๐๔ ตัน ราคา ๑,๕๔๕ ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน เป็นเงิน ๗๗๘,๖๘๐ ดอลลาร์สหรัฐแก่ผู้ร้อง โดยต่อสัญญาตกลงกันว่าให้สำนักงานตรวจสอบสินค้านำเข้าและส่งออกแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นผู้ชี้ขาดเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้า หากพบว่า คุณภาพของสินค้ามิได้เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาก็ให้ผู้ซื้อมีสิทธิปฏิเสธการรับมอบสินค้าและผู้ขายต้องนำสินค้ากลับคืน พร้อมกับคืนราคาสินค้าที่ได้ชำระไป รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการขนส่งสินค้า การเก็บสินค้า การประกันภัยและการตรวจสอบแก่ผู้ซื้อ ข้อพิพาทที่เกี่ยวเนื่องกับสัญญาฉบับนี้ ให้คู่กรณีนำเสนอต่อคณะกรรมการอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด สำนักงานตรวจสอบสินค้านำเข้าและ ส่งออกแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ตรวจพบว่าสินค้าตามสัญญาซื้อขายไม่มีคุณภาพตามที่กำหนดในสัญญาซื้อขาย เนื่องจากมีสิ่งสกปรกปะปน ไม่สามารถใช้ในการผลิตเส้นใยดาครอนชนิดยาวโดยใช้ความเร็วสูง ผู้คัดค้านจึงมอบอำนาจให้ผู้ร้องทำการจำหน่ายสินค้าพิพาทส่วนที่เหลือจำนวน ๔๐๖ ตัน ในสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อนำเงินที่ได้ชำระหนี้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องสามารถขายสินค้าได้ราคา ๓๓๗,๔๖๙.๘๗ ดอลลาร์สหรัฐ และผู้คัดค้านได้ชำระเงินคืนแก่ผู้ร้อง อีกจำนวน ๖๓,๔๐๘.๖๘ ดอลลาร์สหรัฐ ผู้ร้องได้เรียกร้องให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ส่วนที่เหลือ พร้อมค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ย แต่ผู้คัดค้านเพิกเฉย ผู้ร้องจึงนำข้อพิพาทเสนอต่ออนุญาโตตุลาการของคณะกรรมการอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๓๙ ในการพิจารณาของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าว คณะอนุญาโตตุลาการได้แจ้งให้ผู้คัดค้านทราบถึงการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ และการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการโดยชอบแล้ว แต่ผู้คัดค้านมิได้แต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ มิได้ยื่นคำคัดค้าน และมิได้ร่วมการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ คณะอนุญาโตตุลาการแห่งคณะกรรมการอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนมีคำชี้ขาดดังต่อไปนี้
๑. ให้ผู้คัดค้านชำระเงินค่าสินค้าที่ค้างชำระจำนวน ๙๖,๙๖๑.๓๒ ดอลลาร์สหรัฐ แก่ผู้ร้อง
๒. ให้ผู้คัดค้านชำระเงินค่าเสียหายจำนวน ๓๘,๘๒๙.๐๔ ดอลลาร์สหรัฐ
๓. ให้ผู้คัดค้านชดใช้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกระบวนพิจารณาอนุญาโตตุลาการแทนผู้ร้อง ๘๓,๓๕๗.๒ หยวน
เหรินหมินบี้
๔. ให้ผู้คัดค้านชำระค่าทนายแทนผู้ร้องจำนวน ๑๒,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ
๕. คำขออื่นของผู้ร้องให้ยก
๖. ให้ผู้คัดค้านชำระเงินตามข้อ (๑) ถึงข้อ (๔) รวม ๑๔๗,๗๙.๓๖ ดอลลาร์สหรัฐ และ ๘.,๓๕๗ หยวน เหรินหมินบี้ ภายใน ๔๕ วัน นับแต่วันมีคำชี้ขาด (วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๔๐) แก่ผู้ร้อง หากมิได้ชำระภายในกำหนดให้ผู้ร้องชำระดอกเบี้ยของเงินจำนวนดังกล่าวในอัตราร้อยละ ๑๒ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๐ ไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ผู้คัดค้านมิได้ชำระเงินตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นภาคของอนุสัญญาว่าด้วยการยอมรับนับถือ และการใช้บังคับคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการต่างประเทศ ฉบับนครนิวยอร์ค ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๑ (ค.ศ. ๑๙๕๘) ขอให้บังคับผู้คัดค้านชำระเงินจำนวน ๑๖๓,๒๔๕.๑๖ ดอลลาร็สหรัฐ และ ๙๒,๐๖๔.๔๐ หยวน เหรินหมินบี้ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๒ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันถัดจากวันยื่น คำร้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้ร้องยังมิได้ส่งสำเนาคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนฉบับลงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๔๐ แก่ผู้คัดค้าน สิทธิในการร้องขอให้บังคับตามคำชี้ขาดจึงยังไม่เกิด คำชี้ขาดตามคำร้องขอไม่สามารถบังคับได้เนื่องจากคณะกรรมการอนุญาโตตุลาการเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรับประชาชนจีนมิได้แจ้งให้ผู้คัดค้านทราบล่วงหน้าถึงการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ และการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ผู้ร้องและผู้คัดค้านได้ระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นโดยการทำสัญญาประนีประนอม ยอมความลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๓๙ สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวมิได้ระบุให้มีการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ ผู้ร้องจึงนำข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ ข้อให้ยกคำร้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทสกลางพิพากษาบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโาตตุลาการแห่งคณะกรรมการเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยให้ผู้คัดค้านชำระเงินจำนวน ๑๔๗,๗๙๐ .๓๖ ดอลลาร์สหรัฐ และ ๘๓,๓๕๗.๒ หยวน เหรินหมินบี้ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๒ ต่อปีในต้นเงินทั้งสองจำนวน นับแต่วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๐ ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง โดยให้คิดอัตราแลกเปลี่ยนตามอัตราอ้างอิงของธนาคารแห่งประเทศไทยในวันที่มีคำพิพากษา ถ้าไม่มีอัตราอ้างอิงในวันดังกล่าวก็ให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราอ้างอิงนั้นก่อนวันพิพากษา ทั้งนี้เมื่อคำนวณเป็นเงินไทย ณ วันยื่นคำร้องต้องไม่เกิน ๗,๑๙๖,๑๕๓ .๐๑ บาท และเงินต้นที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณดอกเบี้ยในวันถัดจากวันยื่นคำร้องต้องไม่เกิน ๖,๓๒๓,๖๑๙.๔๘ บาท
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๓๙ ผู้คัดค้านได้ทำสัญญาขายแผ่นโพลีเอสเตอร์กึ่งด้าน (คุณภาพเส้นใยเกรดเอ) จำนวน ๕๐๔ ตัน ในราคาตันละ ๑,๕๔๕ ดอลลาร์สหรัฐ รวมเป็นเงิน ๗๗๘,๖๘๐ ดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่ผู้ร้อง โดยตกลงกันว่าให้สำนักงานตรวจสอบสินค้านำเข้าและส่งออกแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นผู้ชี้ขาดเกี่ยวกับคุณกกภาพของสินค้า หากกพบว่าคุณภาพของสินค้ามิได้เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญา ผู้ซื้อมีสิทธิปฏิเสธการรับมอบสินค้าและผู้ขายต้องนำสินค้า กลับคืนพร้อมกับคืนค่าสินค้าที่ได้ชำระไป รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการขนส่งสินค้า การเก็บสินค้า การประกันภัยและการตรวจสอบแก่ผู้ซื้อ ข้อพิพาทเกี่ยวเนื่องกับสัญญาให้คู่กรณีนำเสนอต่อคณะกรรมการอนุญาโตตุลาการ ทางการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด สำนักงานตรวจสอบสินค้านำเข้าและ ส่งออกแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนตรวจพบว่าสินค้าของผู้คัดค้านที่ส่งไปไม่มีคุณภาพตามที่กำหนดในสัญญา เนื่องจากมีสิ่งสกปรกปะปนอยู่ ไม่สามารถใช้ในการผลิตเส้นใยดาครอนชนิดยาวโดยใช้ความเร็วสูงได้ ผู้ร้องกับผู้คัดค้านจึงทำความตกลงกันโดยผู้คัดค้านมอบหมายให้ผู้ร้องจำหน่ายสินค้าแผ่นโพลีเอสเตอร์ส่วนที่เหลือจำนวน ๔๐๖ ตัน ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องสามารถขายสินค้าดังกล่าวได้เป็นเงิน ๓๓๗,๔๖๙.๘๗ ดอลลาร์สหรัฐ และผู้คัดค้านได้ชำระราคาค่าสินค้าแก่ผู้ร้องอีกจำนวน ๖๓,๔๐๘.๖๘ ดอลลาร์สหรัฐ ผู้ร้องได้เรียกร้องให้ผู้คัดค้านคืนเงินค่าสินค้าพร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหายอีกจำนวนหนึ่ง แต่ผู้คัดค้านเพิกเฉย ผู้ร้องจึงนำ ข้อพิพาทเสนอต่ออนุญาโตตุลาการของคณะกรรมการอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๓๙ ผู้คัดค้านมิได้แต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ มิได้ยื่นคำคัดค้านและมิได้ร่วมการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ต่อมาวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๔๐ คณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดให้ผู้คัดค้านรับผิด ชำระเงินค่าสินค้าที่ค้างชำระ ค่าเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกระบวนพิจารณาอนุญาโตตุลาการและค่าทนายความ รวมเป็นเงิน ๑๔๗,๗๙๐.๓๖ ดอลลาร์สหรัฐ และ ๘๓,๓๕๗.๒ หยวน เหรินหมินบี้ แก่ผู้ร้อง ผู้คัดค้านมิได้ชำระเงินตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ผู้ร้องจึงมายื่นคำร้องเป็นคดีนี้ประเทศและสาธารณรัฐประชาชนจีนต่างเป็นภาคี แห่งอนุสัญญาว่าด้วยการยอมรับนับถือ และการใช้บังคับคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการต่างประเทศ ฉบับนครนิวยอร์ค ลงวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๑ (ค.ศ. ๑๙๕๘)
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้คัดค้านเป็นข้อแรกว่า ผู้ร้องได้จัดส่งสำเนาคำชี้ขาดของ คณะอนุญาโตตุลาการของคณะกรรมการอนอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนถึงผู้คัดค้านแล้วหรือไม่ ในข้อนี้ผู้คัดค้านปฏิเสธและนำสืบว่า ผู้ร้องยังมิได้ส่งสำเนาคำชี้ขาดของ คณะอนุญาโตตุลาการให้แก่ผู้คัดค้าน เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๓๐ มาตรา ๒๑ วรรคสี่ บัญญัติว่าเมื่อทำคำชี้ขาดแล้ว อนุญาโตตุลาการหรือผู้ชี้ขาดจะต้องจัดส่งสำเนาคำชี้ขาดนั้นถึงคู่กรณีที่เกี่ยวข้องทุกคน และในหมวดที่ ๖ ที่ว่าด้วยการบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศ มาตรา ๓๐ บัญญัติให้คู่กรณีฝ่าย ที่ประสงค์จะให้มีการบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศยื่นคำร้องขอต่อศาลที่มีเขตอำนาจในกำหนดเวลา ๑ ปี นับแต่วันที่ได้ส่งสำเนาคำชี้ขาดถึงคู่กรณีตามมาตรา ๒๑ วรรคสี่ แสดงว่าผู้ร้องจะเกิดสิทธิหรืออำนาจที่จะยื่นคำร้องขอให้มีการบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการต่างประเทศได้ก็ต่อเมื่อได้มีการจัดส่งสำเนาคำชี้ขาดให้แก่ ผู้คัดค้านแล้ว ดังนั้น หน้าที่นำสืบถึงข้อเท็จจริงข้อนี้ย่อมตกเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องมีนายชินวัฒน์ ชินแสงอร่าม ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ร้องได้เสนอบันทึกถ้อยคำและมาเบิกความต่อศาลว่า ในการจัดส่งสำเนาคำชี้ขาดนั้นทางสำนักงานอนุญาโตตุลาการได้ ขอให้สำนักงานกฎหมายโกลบอลเป็นผู้จัดส่งให้แก่ผู้คัดค้านตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในมาตรา ๗๗ ของข้อบังคับอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่าง ประเทศแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามหนังสือที่มีไปถึงสำนักกฎหมายโกลบอลเอกสารหมาย ร.๒๙ และคำแปลภาษาไทยเอกสารหมาย ร.๓๒ โดยข้อความในหนังสือดังกล่าวระบุให้จัดส่งแก่ผู้คัดค้านตามที่อยู่ที่ระบุให้โดยจดหมายทั่วไป (ไม่ฝากจดหมายลงทะเบียน) และให้ทำรายงานการ จัดส่งกลับคืนไป ต่อมาสำนักงานกฎหมายโกลบอลได้มีหนังสือตอบกลับไปว่าได้จัดการส่งสำเนาคำชี้ขาดและหนังสือของสำนักงานอนุญาโตตุลาการให้แก่ผู้คัดค้านแล้ว ตามหนังสือรับรองการส่งหนังสือเอกสาร ร.๓๐ และคำแปลเป็นภาษาไทยเอกสารหมาย ร.๓๓ ซึ่งมีข้อความว่าขอยืนยันว่าได้จัดส่งสำเนาคำชี้ขาดและหนังสือของสำนักงานอนุญาโตตุลาการให้แก่คู่กรณีแล้วเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๔๐ ตามชื่อและที่อยู่ที่จัดให้คือ ชื่อผู้คัดค้าน ๑๕ ซี ยูนิโก้เฮ้าส์ ๒๙/๑ ซอยหลังสวน ถนนเพลินจิต กรุงเทพมหานคร ๑๐๓๓๐ ประเทศไทย เห็นว่า การส่งสำเนาคำชี้ขาดทางไปรษณีย์ธรรมดาไม่ลงทะเบียนย่อมไม่มีหลักฐานว่าผู้คัดค้านได้รับคำชี้ชาดนั้นแล้ว ที่ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ร้องมีสิทธิส่งสำเนาคำชี้ขาดให้แก่ผู้คัดค้านโดยทางไปรษณีย์ธรรมดาไม่ต้องลงทะเบียน ตามข้อบังคับอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อ ๗๗ โดยอ้างส่งข้อบังคับอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามเอกสารหมาย ร.๓๕ เป็นพยานด้วยนั้น แต่เอกสารหมาย ร.๓๕ มีข้อความเป็น ภาษาอังกฤษ และผู้ร้องมิได้ส่งคำแปลเป็นภาษาไทยต่อศาล แม้เฉพาะข้อความในข้อ ๗๗ ที่ผู้ร้องอ้างก็ไม่ปรากฏว่า ผู้ร้องและผู้คัดค้านมีการตกลงกันว่าไม่ต้องทำคำแปลหรือศาลอนุญาตให้ส่งเอกสารหมาย ร.๓๕ โดยไม่ต้องทำคำแปล ตามที่ได้กำหนดเป็นข้อยกเว้นไว้ในข้อกำหนดคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. ๒๕๔๐ ข้อ ๒๓ ทั้งผู้คัดค้านก็อุทธรณ์โต้เถียงอยู่ว่า ข้อบังคับของอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อ ๗๖ และข้อ ๗๗ มิได้ระบุชัดเจนถึงวิธีกาจัดส่งเอกสารเกี่ยวกับอนุญาโตตุลาการ หนังสือบอกกล่าวและเอกสารให้แก่คู่กรณีไว้ และข้อความในข้อ ๗๖ และข้อ ๗๗ ก็มิได้ระบุแจ้งชัดว่าอนุญาตให้มีการจัดส่งเอกสารต่าง ๆ โดยวิธีธรรมดาได้ ตามคำแปลเอกสารท้ายอุทธรณ์ พยานหลักฐานของผู้ร้องจึงไม่อาจรับฟังได้ว่า การส่งสำเนาคำชี้ขาดให้แก่ผู้คัดค้านตามที่วิธีกาที่ผู้ร้องได้นำสืบมานั้นถูกต้องตามข้อบังคับของอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนอันเป็นการเพียงพอให้ถือได้ว่าได้มีการจัดส่งสำเนาคำชี้ขาดถึง ผู้คัดค้านโดยชอบตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๓๐ แล้ว ดังนั้น จึงต้องพิจารณาต่อไปว่าวิธีการจัดส่งสำเนาคำชี้ขาดที่สำนักงานกฎหมายโกลบอลดำเนินการจัดส่งให้แก่ผู้คัดค้านทางไปรษณีย์ธรรมดาโดยมีหลักฐานการส่งเป็นหนังสือรับรองของสำนักงานกฎหมายโกลบอลที่ยืนยันว่าได้มีการจัดส่งสำเนาคำชี้ขาดไปให้ผู้คัดค้านตามที่อยู่ของผู้คัดค้านที่ผู้ร้องแจ้งไปแล้วตามเอกสารหมาย ร.๓๐ และ ร.๓๓ นั้น มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังว่าได้มีการส่งสำเนาคำชี้ขาดถึงผู้คัดค้านแล้วหรือไม่ เห็นว่า สำนักงานกฎมายโกลบอลมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้ร้องมิได้นำสืบให้เห็นว่าสำนักงานกฎหมายโกลบอลมีชื่อเสียงเป็นที่ชื่อถือระหว่างประเทศได้มากน้อยเพียงใด ข้อความในหนังสือรับรองของสำนักงานกฎหมายโกลบอลก็ได้ความเพียงว่าได้จัดส่งสำเนาคำชี้ขาดและเอกสารต่าง ๆ ให้แก่ผู้คัดค้านทางไปรษณีย์ ซึ่งอาจเชื่อถือได้ในเบื้องต้นว่าทางสำนักงานกฎหมายโกลบอลได้จัดส่งสำเนาคำชี้ขาดให้แก่ผู้คัดค้านแล้วทางไปรษณีย์ธรรมดา แต่การส่งจดหมายหรือเอกสารทางไปรษณีย์ธรรมดาระหว่างประเทศต้องมีการขนส่งโดยพาหนะหลายทอดหลายตอนจึงเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนว่าจดหมายหรือเอกสารที่ส่งไปโดยวิธีการดังกล่าวจะไปถึงยังผู้รับในอีกประเทศหนึ่งได้อย่างเรียบร้อย เมื่อผู้ร้องไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดที่อาจพิสูจน์ได้ว่าผู้คัดค้านได้รับสำเนาคำชี้ขาดดังกล่าว หรือสำเนาคำชี้ขาดได้มีการส่งไปถึงยังสำนักงานของผู้คัดค้านแล้ว แม้ผู้ร้องจะมีนายวีระ ปรางค์ชัยกุล ผู้ช่วยหัวหน้าที่ทำการไปรษณีย์รองเมืองมาเบิกความว่า การส่งไปรษณีย์ธรรมดาจะไม่มีหลักฐานการตอบรับจากผู้รับ และหากส่งได้ก็จะไม่มีการบันทึกการส่งได้ไว้ หากส่งไม่ได้ไปรษณีย์ผู้ส่งจะบันทึก ลงบนไปรษณีย์ถึงเหตุที่ส่งไม่ได้ และจัดส่งคืนผู้ฝากส่ง ซึ่งทางนำสืบของผู้ร้องไม่ปรากฏว่าหนังสือแจ้งคำชี้ขาดที่ส่งไปให้แก่ผู้คัดค้านได้มีการส่งกลับคืนไปเพราะส่งไม่ได้ก็ตาม ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่ามีการส่งสำเนาคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการถึงผู้คัดค้านซึ่งจะต้องถูกบังคับตามคำชี้ขาดแล้ว ผู้ร้องจึงยังไม่มีอำนาจที่จะร้องขอให้ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังกล่าวตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการของคณะกรรมการอนุญาโตตุลาการทางการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วยน
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง

Share