คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ แต่ตามคำร้องจำเลย อ้างว่าไม่มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยโดยชอบ จำเลยมิได้จงใจขาดนัด เนื่องจากจำเลยมีภูมิลำเนาที่อื่นมิใช่ มีภูมิลำเนาตามฟ้องโจทก์แต่อย่างใด หากข้อเท็จจริงเป็นดังที่ จำเลยอ้างย่อมแสดงว่าสถานที่ซึ่งพนักงานเดินหมายนำหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องไปส่งโดยวิธีปิดหมายนั้น มิใช่ภูมิลำเนาของ จำเลย การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางนับแต่นั้นจึงเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย และการขาดนัดของจำเลยมิใช่การ จงใจขาดนัดระยะเวลาในการยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ที่กำหนดไว้สิบห้าวันนับจากวันที่ได้รับ คำบังคับหรือนับจากกรณีมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ สิ้นสุดลง หรือหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือมีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่นแล้วแต่กรณีนั้นจะเริ่ม นับต่อเมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องเป็นไปโดยชอบ หากการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องเป็นไปโดยมิชอบ จำเลย จะยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เมื่อใดก็ได้ ไม่อยู่ในบังคับ ของบทบัญญัติมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดและขาดนัดพิจารณาให้พิจารณาคดีไปฝ่ายเดียว แล้วมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2541 ให้จำเลยชำระค่าจ้างจำนวน 8,597 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2541จนกว่าจะชำระเสร็จกับค่าชดเชยจำนวน 95,400 บาท และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 39,220 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2541 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์จำเลยมิได้มาฟังคำพิพากษา โจทก์จึงแถลงขอให้ศาลแรงงานกลางออกคำบังคับ ศาลแรงงานกลางออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วัน หากไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดคำบังคับและให้มีผลทันที เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2541 พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งให้แก่จำเลย แต่ไม่มีผู้ใดยอมรับ จึงปิดคำบังคับไว้ที่ภูมิลำเนาจำเลยตามคำสั่งศาลแรงงานกลาง ต่อมาวันที่ 23 พฤศจิกายน 2541 จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ โดยอ้างว่าจำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ภูมิลำเนาตามคำฟ้องไม่ใช่ภูมิลำเนาของจำเลย จำเลยมิได้จงใจขาดนัด หากจำเลยมีโอกาสเข้ามาต่อสู้คดีก็จะไม่ต้องรับผิดตามคำพิพากษา ศาลแรงงานกลางสั่งคำร้องนี้ว่าจำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่เมื่อพ้นกำหนด15 วัน นับแต่ได้รับคำบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคหนึ่ง แล้ว ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย เช่นนี้ มีลักษณะเช่นเดียวกับการขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบ เพราะตามคำร้องจำเลยอ้างว่าไม่มีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยโดยชอบ จำเลยมิได้จงใจขาดนัด เนื่องจากจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 1 อาคารบ้านฉางกลาสเฮ้าส์ ถนนสุขุมวิท ซอย 25 แขวงคลองเตยเหนือเขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร มิใช่มีภูมิลำเนาตามฟ้องโจทก์แต่อย่างใด หากข้อเท็จจริงเป็นดังที่จำเลยอ้าง ย่อมแสดงว่าสถานที่ซึ่งพนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งโดยวิธีปิดหมายนั้นมิใช่ภูมิลำเนาของจำเลย การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางนับแต่นั้นจึงเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย และการขาดนัดของจำเลยมิใช่การจงใจขาดนัด ระยะเวลาในการยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ที่กำหนดไว้สิบห้าวันนับจากวันที่ได้รับคำบังคับหรือนับจากกรณีมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลง หรือหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือมีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่นแล้วแต่กรณีนั้นจะเริ่มนับต่อเมื่อการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องเป็นไปโดยชอบ หากการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องเป็นไปโดยมิชอบ จำเลยจะยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เมื่อใดก็ได้ไม่อยู่ในบังคับของบทบัญญัติมาตรา 208 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยโดยอ้างเหตุผลดังกล่าวไว้ข้างต้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางดำเนินการไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

Share