คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 663/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จะไม่มีพยานโดยตรงว่า จำเลยที่ 2 สมคบกับจำเลยที่ 1 มาแต่แรก แต่พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 เดินอยู่ใกล้ชิดจำเลยที่ 2 พอจำเลยที่ 2ล้วงกระเป๋าลักแว่นตามาได้ก็ส่งให้จำเลยที่ 1 ในเวลากระชั้นชิดนั้นเอง และจำเลยที่ 1 รับแล้วใส่ไว้ในอกเสื้อแสดงให้เห็นอยู่ในตัวว่าจำเลยทั้งสองได้สมคบแบ่งปันหน้าที่กันแต่แรกแล้ว ถือว่าเป็นตัวการลักทรัพย์โดยมีพรรคพวก ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293

ย่อยาว

ได้ความว่า จำเลยที่ 2 ล้วงกระเป๋าลักแว่นตาของ ส. ในขณะกำลังซื้อตั๋วแข่งม้า พอล้วงได้จำเลยที่ 2 ส่งให้จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 รับแล้วเอาใส่ในอกเสื้อ เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 1 ได้พร้อมทั้งของกลาง โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 293 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีผิดเป็นตัวการฐานลักทรัพย์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 288ยกฟ้องจำเลยที่ 1

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จะไม่มีพยานโดยตรงว่า จำเลยที่ 2 สมคบกับจำเลยที่ 1 มาแต่แรก แต่พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 เดินอยู่ใกล้ชิดจำเลยที่ 2 พอจำเลยที่ 2 ล้วงกระเป๋าลักแว่นตามาได้ ก็ส่งให้จำเลยที่ 1 ในเวลากระชั้นชิดนั้นเอง และจำเลยที่ 1 รับแล้วใส่ไว้ในอกเสื้อ แสดงให้เห็นอยู่ในตัวว่าจำเลยทั้ง 2 ได้สมคบแบ่งปันหน้าที่กันแต่แรกแล้ว พิพากษากลับยืนตามศาลชั้นต้น

Share