แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ครบกำหนดยื่นฎีกา ตามที่โจทก์ขอขยายระยะเวลาในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2536 โจทก์ไม่ยื่นฎีกาภายในกำหนดเวลาที่ขอขยาย ไม่รับ ฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาโดยขออนุญาตยื่นฎีกาภายในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2536 เมื่อทนายโจทก์มาติดต่อเจ้าหน้าที่ศาลเพื่อขอทราบคำสั่งเจ้าหน้าที่ศาล ได้แจ้งกับทนายโจทก์ว่าศาลอนุญาตตามคำร้องของ โจทก์ ทนายโจทก์เชื่อโดยสุจริตว่าโจทก์มีสิทธิยื่นฎีกาภายในวันที่10 พฤศจิกายน 2536 และได้ยื่นฎีกาภายในกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว โจทก์มิได้มีเจตนาละเลยหรือเพิกเฉยต่อคำสั่งของศาลแต่อย่างใด โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 84)
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ พร้อมดอกเบี้ย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 120,000 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่15 มีนาคม 2534 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ว่าอนุญาตให้ขยายระยะเวลาฎีกาออกไปอีก 15 วัน นับแต่วันครบกำหนด ฎีกา (อันดับ 77 แผ่นที่ 5)
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 79)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 81)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าครบกำหนดยื่นฎีกาวันที่24 ตุลาคม 2536 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาออกไปอีก 15 วัน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาออกไปอีก15 วัน นับแต่วันครบกำหนด โดยท้ายคำร้องมีข้อความว่ารอฟัง คำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอถือว่าทราบแล้ว โจทก์ยื่นฎีกาวันที่10 พฤศจิกายน 2536 พ้นกำหนดยื่นฎีกาแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ