คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6582/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย ฯ มาตรา 6 ประกอบมาตรา 10 แม้ภายหลังยื่นคำฟ้องโจทก์โอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดที่มีต่อจำเลยให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ. ในขณะคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลล้มละลายกลางก็ตาม แต่ตราบใดที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ. ยังมิได้เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทน โจทก์ซึ่งยังอยู่ในฐานะคู่ความ ก็ย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ต่อไปเท่าที่จำเป็นในระหว่างที่ยังไม่มีผู้เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทน และแม้โจทก์จะมิได้แจ้งให้จำเลยทราบถึงการโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวก็ตาม ก็หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ อนึ่ง หลังจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด ศาลล้มละลายกลางก็ได้มีคำสั่งอนุญาตให้บริษัทบริษัททรัพย์ พ. เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์แล้ว บริษัทบริหารสินทรัพย์ พ. ย่อมมีฐานะเป็นคู่ความชอบที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ต่อไปได้ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 14
ต่อมาวันที่ 6 มีนาคม 2549 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งอนุญาจให้บริษัทบริหารสินทรัพย์พญาไท จำกัด เข้าสวมสิทธิแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “…จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์โอนสิทธิเรียกร้องที่มีต่อจำเลยให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์พญาไท จำกัด ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2548 แต่ไม่แจ้งให้จำเลยทราบ โจทก์ใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่อยู่ในฐานะที่จะฟ้องขอให้จำเลยล้มละลายได้นั้น เห็นว่า ขณะโจทก์ยื่นคำฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอม โดยมีทรัพย์สินของจำเลยจำนองเป็นประกันหนี้ดังกล่าวอยู่แก่โจทก์จึงมีสิทธิขอให้จำเลยล้มละลายในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 6 ประกอบมาตรา 10 ได้ แม้ภายหลังยื่นคำฟ้องโจทก์จะได้โอนสิทธิเรียกร้องทั้งหมดที่มีต่อจำเลยในคดีนี้ให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์พญาไท จำกัด ไปเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2548 ในขณะคดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลล้มละลายกลางแล้วก็ตาม แต่ตราบใดที่บริษัทบริหารสินทรัพย์พญาไท จำกัด ยังมิได้เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทน โจทก์ซึ่งยังอยู่ในฐานะเป็นคู่ความ ก็ย่อมมีสิทธิที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ต่อไปเท่าที่จำเป็นในระหว่างที่ยังไม่มีผู้เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทน และแม้โจทก์จะมิได้แจ้งให้จำเลยทราบถึงการโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวก็ตาม ก็หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตดังที่จำเลยอุทธรณ์ไม่ อุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น อนึ่ง คดีนี้ศาลล้มละลายกลางก็ได้มีคำสั่งอนุญาตให้บริษัทบริหารสิททรัพย์พญาไท จำกัด เข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนโจทก์แล้ว บริษัทบริหารสินทรัพย์พญาไท จำกัด ย่อมมีฐานะเป็นคู่ความชอบที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาบริหารสินทรัพย์พญาไท จำกัด ย่อมมีฐานะเป็นคู่ความชอบที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาบริหารสินทรัพย์พญาไท จำกัด ย่อมมีฐานะเป็นคู่ความชอบที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ต่อไปได้ด้วย”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share